โกลบอลคอมแพ็กประเทศไทย ดึง 51 องค์กรชั้นนำยกระดับอนาคตแห่งความยั่งยืนบนเวทีโลก ในงาน UN Global Compact Virtual Leaders Summit 2020

Video

  • โกลบอลคอมแพ็กประเทศไทย ดึง 51 องค์กรสมาชิกชั้นนำ เป็นเจ้าภาพร่วมเวทีสัมมนา Global Breakout Session ของประเทศไทย ในงาน UN Global Compact Virtual Leaders Summit 2020 พร้อมเชิญ 4 องค์กรชั้นนำเป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมถกทิศทางเพิ้อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิมอย่างยั่งยืน ในหัวข้อ “Build Back Better: Business Resilience for our Future
  • ยอดผู้เข้าร่วมงานประชุมสุดยอดผู้นำด้านความยั่งยืนโลก “UN Global Compact Virtual Leaders Summit 2020” ของ UN Global Compact คึกคัก โดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานคับคั่งกว่า 15,000 คน จาก 193 ประเทศทั่วโลกร่วมขับเคลื่อน SDGs ชู 10 ปีต่อจากนี้ "ทศวรรษแห่งการลงมือทำ”

กรุงเทพฯ 17 มิถุนายน 2563

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย เครือข่ายท้องถิ่นของ UN Global Compact  ร่วมเป็นเจ้าภาพในเวทีสัมมนา Global Breakout Session ในหัวข้อ “Build Back Better: Business Resilience for our Future” หนึ่งในเวทีงานประชุมสุดยอดผู้นำด้านความยั่งยืน “UN Global Compact Virtual Leaders Summit 2020” ของ UN Global Compact โดยเชิญองค์กรชั้นนำของประเทศ ถกประเด็นการมีส่วนร่วมขององค์กรธุรกิจไทยเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals ตลอดจนประเด็นท้าทายและโอกาสที่เกี่ยวข้อง เพื่อแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนจากการแปลงกลยุทธ์ระดับโลกให้พลิกเข้าสู่โซลูชั่นที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทย  เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในปีพ.ศ. 2573

นางสาวธันยพร กริชติทายาวุธ  ผู้อำนวยการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับเกียรติจากองค์กร UN Global Compact ให้ร่วมเป็นเจ้าภาพในเวทีสัมมนาระดับโลก  ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำด้านความยั่งยืนของประเทศไทยในระดับโลกที่สามารถเป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศในแถบอาเซียนที่สามารถรับมือกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และพร้อมสร้างโลกที่ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักในการก่อตั้งสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำแนวทางด้านความยั่งยืนของคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ในฐานะนายกสมาคมฯ ในการเป็นเครือข่ายที่จะร่วมสร้างเศรษฐกิจโลกที่ยั่งยืน และเปิดโอกาสให้
ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม ให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน”

สำหรับเวทีสัมมนา Global Breakout Session ในหัวข้อ “Build Back Better: Business Resilience for our Future” ได้รับเกียรติจาก​องค์กรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) บริษัท อินโดรามา
เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ​จำกัด (มหาชน) โดยมี ดร. สิรยา คงสมพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส SEAC เป็นผู้หยิบยกประเด็นการบูรณาการแนวทางการทำธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ นำพาประเทศไปข้างหน้า

นายริชาร์ด โจนส์ รองประธานอาวุโส และหัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน  บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)  เปิดมุมมองของไอวีแอลว่า “สถานการณ์วิกฤตโควิด-19 แสดงให้เห็นบทบาทสำคัญของพลาสติกในการส่งเสริมสุขภาพ โดยสามารถเพิ่มความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีสำหรับผู้บริโภค ความต้องการสินค้าที่มีความปลอดภัยและสะอาดที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้สะท้องให้เห็นว่าพลาสติกเป็นส่วนสำคัญของสังคม ปัจจุบัน อินโดรามา เวอเจอร์ส ได้สร้างแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในการดำเนินธุรกิจของเรา โดยมุ่งเน้นการนำ PET ที่ใช้งานแล้วมารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เรากำลังขยายกำลังการรีไซเคิลทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์รีไซเคิลที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของรัฐบาลและแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก ไอวีแอลจะเดินหน้าแสดงให้ผู้คนเห็นประโยชน์ของ PET และ PET รีไซเคิล (rPET) ในด้านสุขภาพและสุขอนามัย เพื่อทุกคนจะสามารถมีส่วนในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนไปด้วยกัน”

 

นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจหลักในการพัฒนาบริษัทที่สอดคล้องกับ SDGs ผ่านสามปัจจัยหลัก 1. แป้งมันสำปะหลังใช้วัตถุดิบจากการพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรรมที่ยั่งยืน 2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพที่ทำจากแป้งมันสัมปะหลัง 3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างมูลค่าเพื่มตลอดกระบวนการผลิตตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภค (Creating Value from Farm to Shelf) Sustainability is not a goal or choice. Sustainability has to be a part of daily operations, a part of company’s vision and a part of overall strategy. – Mr. Ho Ren Hua

 

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นว่า ในมุมมองของธุรกิจด้านการเงินการธนาคาร “ ธนาคารกสิกรไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of sustainability) ดำเนินธุรกิจบนรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการนำแนวคิดการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม มาเป็นหลักการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดนวัตกรรมเชิงธุรกิจที่สามารถอำนวยประโยชน์สูงสุด ต่อสังคมและประเทศชาติ ผ่านโครงการ Green DNA เพื่อปลูกฝังแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลงไปในดีเอ็นเอของพนักงานทุกคน ซึ่งซึมซับอยู่ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้การให้ความสำคัญกับการศึกษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญ กสิกรได้มีการร่วมมือกับทางภาครัฐจัดตั้งกองทุนเพื่อการเสมอภาคทางการศึกษา (Equitable Education Fund) เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการศึกษา และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำจากการศึกษา นอกจากนี้ ทางธนาคารยังมีการสงเสริมด้าน  Digital transformation โดยได้มีการทำระบบการเรียนออนไลน์เพื่อ reskill เก่า upskill ใหม่ เสริมความรู้ให้ทันโลกดิจิทัล เพื่อต่อยอดเป็นอาชีพได้ในอนาคต  

“กสิกรสามารถอยู่มาได้กว่า 75 ปี และยังคงอยู่ต่อไปได้ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาสังคม บางครั้งเราจะต้องเสียสละผลกำไรเพื่อที่จะให้คนที่เดือดร้อนสามารถอยู่รอดได้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SME เราให้ความช่วยเหลือมากกว่าแค่ภาคธุรกิจ แต่เราช่วยเหลือไปถึงภาคสังคมและนำองค์ความรู้ที่มีมาสร้างความยั่งยืน”

 

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวเน้นย้ำว่า “การสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน (Energy Sustainability) ต้องมีแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน เราต่อยอดการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs) มาเป็น 4 แนวทาง ได้แก่ 1. สร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในการสร้างความยั่งยืน ซึ่งหมายรวมถึงการลดทอนผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19  2. ‘E’ (Environmental)-Link เชื่อมโยงเรื่องสิ่งแวดล้อม ทั้งการสร้างความยั่งยืนและลดผลกระทบเชิงลบ เป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายในการดำเนินงานธุรกิจ 3. ชูประเด็น ‘S’ (Social - สังคม) และ ‘G’ (Governance - บรรษัทภิบาล) ตามแนวคิด ESG โดยให้ความสำคัญกับการผลักดันการเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคม รวมทั้งดำเนินกิจการอย่างโปร่งใส มีจรรยาบรรณและเป็นธรรม และข้อ 4. ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เป็นหัวใจหลักของบ้านปูฯ คือ Greener & Smarter Investment Focus ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในการสร้างพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการนำเสนอแนวทางให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด (Energy Efficiency)”

 

ดร. แดเรียน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) มองมิติของความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนว่า “ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 แต่ปัญหาด้านความยั่งยืนยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพคนของเราและความสามารถในการทำงานอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย ความสามารถของเราในการจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ และความต้องการที่จะจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกเช่น เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในฐานะผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก ไทยยูเนี่ยนมีความมุ่งมั่นในการสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงการมีท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ผ่านการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืนของเรา หรือ SeaChange® ซึ่งจะครอบคลุมการดำเนินงานของธุรกิจอาหารทะเลทั้งหมด”

 

“สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย จะเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือที่แข็งแกร่งขององค์กรชั้นนำในประเทศไทยในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาและสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยส่งมอบ
องค์ความรู้ คัดสรรแนวทางจากทั่วโลกที่สร้างความตระหนักรู้และความสามารถในการนำเป้าหมายด้านความยั่งยืนมาขับเคลื่อนให้เป็นกลยุทธ์หลักในการประกอบธุรกิจ สอดคล้องกับเป้าหมายที่ 17 ที่กล่าวคำว่า พันธมิตร (Partnership) ภาคเอกชนจะต้องเป็นพันธมิตรร่วมกันแม้จะต่างอุตสาหกรรม ต่างบริบท แม้อาจจะเป็นคู่แข่งกัน แต่เป้าหมายความยั่งยืนต้องเป็นเป้าหมายเดียวกัน และเป็นเป้าหมายของความยั่งยืนที่แท้จริงในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว” ธันยพร กล่าวทิ้งท้าย

###

 

เกี่ยวกับ United Nations Global Compact (UNGC)

United Nations Global Compact  คือ โครงการริเริ่มของเลขาธิการสหประชาชาติที่สนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ปรับยุทธศาสตร์และการดำเนินงานให้สอดคล้องกับหลักสากลสิบประการในด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต UNGC ได้เปิดตัวในปี พ.ศ.​2543 โดยมีเป้าหมายที่จะให้คำแนะนำและสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจทั่วโลกดำเนินกิจการด้วยแนวทางที่รับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืน อันสอดคล้องเป้าหมายและค่านิยมขององค์การสหประชาชาติ  โดยมีบริษัทมากกว่า 10,000 แห่ง และ องค์กรไม่แสวงหากำไรมากกว่า 3,000 แห่ง ใน 160 ประเทศ และเครือข่ายท้องถิ่นมากกว่า 60 แห่ง เข้าร่วมเป็นเครือข่าย นับเป็นโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @globalcompact และเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ unglobalcompact.org

เกี่ยวกับ Global Compact Network Thailand (GCNT)

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand: GCNT) ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2561 โดยสมาชิกผู้ก่อตั้งในไทย 15 บริษัท ปัจจุบันมีสมาชิก 51 บริษัท โดย GCNT ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network) ของโครงการสำคัญในระดับโลกขององค์การสหประชาชาติ UN Global Compact เครือข่ายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งรณรงค์ให้บริษัททั่วโลกวางกลยุทธ์และยึดหลักการทำงานที่สร้างเศรษฐกิจยั่งยืนครอบคลุมการดำเนินงานใน 4 ด้าน ได้แก่ สิทธิมนุษยชน มาตรฐานแรงงาน สิ่งแวดล้อม การต่อต้านทุจริต ตลอดจนดำเนินกิจกรรมที่ช่วยผลักดันเป้าหมายของสังคมในวงกว้าง ภายใต้หลักสากล 10 ประการของ UN Global Compact เพื่อบรรลุเป้าหมายของสหประชาชาติ อาทิ เป้าหมายสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) รวมไปถึงข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย

โทร. +66 89 0302411, +66 92 2709111

info@globalcompact-th.com

 

FIVE W&H Communication Co., Ltd.

สุภาพร รุ่งเจริญเกียรติ (ต้อม)

โทร. +66 840901212

email : tompr1212@gmail.com 


ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้