ภารกิจพลิกความเสี่ยงเป็นโอกาส ตอบรับทุกกระแสการเปลี่ยนแปลง สู่การเป็นพลังงานที่ยั่งยืนของคนไทย

#SDGsMegaTrend2020
คุณวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 

          – ปัจจัยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลก มองด้านหนึ่งคือความเสี่ยงของธุรกิจ แต่อีกด้านคือโอกาสของ ปตท. ด้วยเช่นกัน

          – ปตท. พัฒนางานวิจัยเรื่องเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ร่วมกับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ในอนาคตแต่ละครอบครัวอาจมีไฟฟ้าใช้เป็นของตัวเองได้อย่างอิสระ เป็นพลังงานทางเลือกที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

          – องค์กรธุรกิจที่จะทำเรื่องความยั่งยืน จะต้องรู้ก่อนว่าอะไรที่สำคัญกับเราและเรามีปัญหาอะไร เข้าใจปัญหาของตัวเอง มองไปข้างหน้า หาว่าสมดุลของตัวเองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้ววางแผนลงมือทำ

 

          ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ปัญหาที่ถาโถมเข้าสู่โลกโดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม วิกฤติการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Risk) และการก้าวเข้ามาของยุคดิจิทัล (Digital Disruption) หนึ่งในธุรกิจที่ถูกจับตามองมากที่สุดในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้คงหนีไม่พ้น ‘ธุรกิจพลังงาน’ ซึ่งถือเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลไปจนถึงความมั่นคงระดับโลก

          ความหวาดกลัวของการหมดไปของทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ และการก้าวเข้ามาของนวัตกรรมพลังงานทางเลือก สิ่งเหล่านี้นำมาสู่การตั้งคำถามถึงทิศทางกลยุทธ์การเดินหน้าต่อไปของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) องค์กรพลังงานแห่งชาติกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้ ‘ธุรกิจยังคงมั่นคง อยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน’ โดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก คุณวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์เจาะลึกถึงการเดินหน้าสู่ความยั่งยืนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกรับปี 2020

          “ประเด็นใหญ่ที่ส่งผลกระทบถึงทุกองค์กรทั่วโลก รวมถึงบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คงหนีไม่พ้นเรื่องของ Climate Risk, Digital Disruption และ Energy Disruption ปัจจัยที่เกิดขึ้นเหล่านี้มองในด้านหนึ่งเป็นความเสี่ยงของธุรกิจ แต่ในอีกด้านมันคือโอกาสของ ปตท. ด้วยเช่นกัน เราอาจจะต้องลงทุนเพื่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆ เพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ย้อนกลับมาทำให้องค์กรของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย” คุณวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ เปิดประเด็นเรื่องนี้ในสองมุมมองอย่างน่าสนใจ

          การขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็เป็นไปอย่างสอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ถูกนำมาบรรจุในแผนงานและนโยบายหลักของ ปตท. ภายใต้การดำเนินธุรกิจใน 3 ด้านอย่างสมดุล คือ People, Planet, Prosperity และค่านิยมหลักขององค์กร คือ SPIRIT+D โดย D ตัวสุดท้ายมีความหมายเติมเต็มถึงการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

          “ความยั่งยืนในยุคนี้จำเป็นต้องมาจากทุกด้าน” คุณวรพงษ์กล่าวถึงมุมมองด้านความยั่งยืนของ ปตท. “P แรกคือ People หมายถึง คน เราต้องดูแลสังคมชุมชน ลูกค้า และคู่ค้า ต้องมีความจริงใจ ไม่ใช่จะเอาแต่กำไร และในอีกด้านเราก็พัฒนาพนักงานของเราให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของดิจิทัลด้วย”

          “ส่วน P ตัวที่สองคือ Planet ก็หมายถึงสิ่งแวดล้อม ปตท. เราตระหนักดีว่าธุรกิจของเราเกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง สิ่งที่เราทำชัดเจนในกระบวนการผลิตตอนนี้คือ เราต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นี่คืออันดับแรกที่เราตั้งไว้ในแผนของเราเลย โดยมีเป้าหมายร่วมกันในธุรกิจของ กลุ่ม ปตท. ที่จะลดก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 20% ภายในปี 2573 ซึ่งที่ผ่านมาเราก็สามารถบรรลุเป้าหมายย่อยในแต่ละปีได้สำเร็จ นอกจากนี้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ เรายังสนับสนุนการปลูกและฟื้นฟูป่าอย่างต่อเนื่องกว่า 30ปี มีการนำความรู้ของเราด้านวิศวกรรมและพลังงานไปช่วยพัฒนาชุมชน เช่น การทำ Floating Solar เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกให้กับชุมชน การเปลี่ยนก๊าซมีเทนในฟาร์มหมูให้กลายเป็นก๊าซหุงต้ม พวกนี้เป็นการช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า”
ต้นแบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานของ กลุ่ม ปตท. ระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Storage System: ESS) ติดตั้งที่อาคารสำนักงานและศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยี ของ GC ในจังหวัดระยอง

         “เรายังไปทำงานร่วมกับสถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTEC เรื่องแบตเตอรี่ซึ่งเป็น Energy Storage ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยพลังของแบตเตอรี่สมัยนี้ ร่วมกับเทคโนโลยีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ จะทำให้เราสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างครบวงจร โดยกลางวันเราก็ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และเมื่อตกกลางคืนเราก็สามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้ มันก็จะเป็นการใช้พลังงานที่เพียงพอ สม่ำเสมอ และครบวงจร เป็นพลังงานที่ไม่อันตราย ตอนนี้ ปตท. เราพัฒนางานวิจัยไปค่อนข้างเยอะแล้ว ผมคิดว่าในอนาคต แต่ละครอบครัวก็อาจจะมีไฟฟ้าใช้เป็นของตัวเองได้อย่างอิสระ เป็นพลังงานทางเลือกที่ช่วยในการดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนในอีกทางหนึ่ง”

          ในส่วน P ตัวสุดท้ายคือ Prosperity ซึ่งมีความหมายถึงการเป็นฐานความมั่นคงในภาคเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืนนั้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยึดถือเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานพร้อมทั้งขยายสู่ธุรกิจของ กลุ่ม ปตท. ด้วย หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ กลุ่ม ปตท. ร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้นจริง คือการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ไปใช้กับการดำเนินธุรกิจ

คาเฟ่ อเมซอน เซอร์คูล่า ลิฟวิ่ง (Cafe Amazon Circular Living) สาขา พีทีที สเตชัน สามย่าน ภายใต้แนวคิด Circular Living เป็นร้านกาแฟแห่งแรกของคาเฟ่ อเมซอน ที่มีความพิเศษคือ กว่า 70% ของร้าน ไม่ว่าจะเป็นแก้วกาแฟ หลอดดูด ฝ้าเพดาน โซฟา โต๊ะ เก้าอี้ และวัสดุตกแต่งร้านอื่นๆ เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากขยะรีไซเคิล

Upcycling Armchair จากขยะขวดน้ำดื่ม PET จำนวน 1,200 ขวดนำมาบด ดึงออกมาเป็นเส้นใย ทอออกมาเป็นผืนผ้า ชุดโซฟา

          “Circular Economy อยู่ในกลยุทธ์ของ กลุ่ม ปตท. เราผลักดันอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนขึ้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจฐานชีวภาพ หรือ Bio Economy , เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Green Economy สิ่งเหล่านี้ กลุ่ม ปตท. เริ่มต้นจากการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด ตั้งแต่การผลิตการใช้งานและการนำของเสียกลับมาเข้าสู่กระบวนผลิตอีกครั้ง วันนี้ กลุ่ม ปตท. ได้ดำเนินการแล้ว คือ การใช้พลังงานน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้นวัตกรรมในการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ ตัวอย่างเช่น เรามีผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าจากขยะเยอะมาก เราพยายามรวบรวมขยะมาเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่า บางส่วนก็เอามาแปรเป็นพลังงานไฟฟ้า แต่สุดท้ายสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดซึ่งเป็นสิ่งที่ปีหน้าเราจะพยายามทำต่อไป มองหาวิธีใหม่ๆ มาช่วยจูงใจคน ก็คือการปลูกฝังทัศนคติเรื่องนี้ในใจของคน ให้เขาเกิดความคิด มีทัศนคติในเรื่องของการไม่สร้างขยะ เพราะจริงๆ แล้วแค่เราแต่ละคนไม่สร้างขยะ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโลกได้แล้ว”

          ในปี 2020 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินหน้าการดำเนินธุรกิจใน 3 ด้านอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็น คน สิ่งแวดล้อม และการเป็นฐานความมั่นคงในภาคเศรษฐกิจและสังคม ก้าวต่อไปของ ปตท. คือการพร้อมเดินจับมือไปกับทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อเป็นต้นแบบและกลไกหนุนเสริมให้ทุกการพัฒนาเป็นการพัฒนาสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

          “สิ่งสำคัญขององค์กรธุรกิจที่จะทำเรื่องของความยั่งยืน คือจะต้องรู้ก่อนว่าอะไรที่สำคัญกับเราและเรามีปัญหาอะไร เข้าใจปัญหาของตัวเอง มองไปข้างหน้า หาว่าสมดุลของตัวเองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้ววางแผนลงมือทำ และถ้าใครมีไอเดียดีๆ อยากให้ ปตท. เข้าไปช่วยดูแล เราก็ยินดีรับฟังทุกข้อเสนอและความคิดเห็น วันนี้ ปตท. เราผลักดันเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจัง สุดท้ายเลยเป้าหมายไม่ใช่เพื่อใคร ก็เพื่อสังคมของเรา ถ้าคนอยู่ได้ สิ่งแวดล้อมดี ทุกอย่างก็จะยั่งยืน”

ดาวน์โหลด 5 แนวโน้มสําคัญเพื่อจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

Share the Post:

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง