เครือเจริญโภคภัณฑ์ชูบทบาทภาคธุรกิจขับเคลื่อน “การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม” สู่เศรษฐกิจสีเขียวของไทย

ท่ามกลางความท้าทายระดับโลก ทั้งภาวะโลกร้อน เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และโครงสร้างสังคมที่กำลังก้าวสู่สังคมสูงวัย แนวคิด “การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม” (Just Transition) ได้กลายเป็นกรอบสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไม่มุ่งเพียงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อผู้คน ชุมชน และโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างทั่วถึง

องค์การสหประชาชาติได้ยกระดับประเด็นนี้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการรับรองว่าสิทธิในการมีสิ่งแวดล้อมที่สะอาด สุขภาพดี และยั่งยืนเป็นสิทธิมนุษยชน ซึ่งสะท้อนว่าการมุ่งสู่ Net-zero ไม่อาจวัดผลจากตัวเลขคาร์บอนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึง “คน” ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนผ่าน

บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (เครือซีพี) นำแนวคิดดังกล่าวมาขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ ภายใต้หลัก 3 ประโยชน์” ที่สร้างสมดุลระหว่างประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน และองค์กร โดยมองว่า ภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการนำพาสังคมไปสู่อนาคตที่เขียวขึ้น เป็นธรรมขึ้น และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเติบโตอย่างยั่งยืน

งานสีเขียว–ดิจิทัล กับโจทย์ตลาดแรงงานใหม่

หนึ่งในความท้าทายสำคัญของการเปลี่ยนผ่าน คือการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานที่ต้องการทักษะใหม่ๆ ขณะที่ระบบการศึกษาในหลายประเทศยังปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้เกิด “ช่องว่างทักษะ” ระหว่างความต้องการของภาคธุรกิจกับศักยภาพของแรงงาน

ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า เยาวชนทั่วโลกถึง 22.5% อยู่ในสถานะ NEET หรือไม่ได้เรียน ไม่ได้ทำงาน และไม่ได้ฝึกอาชีพ สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงกระทบต่อโอกาสของคนรุ่นใหม่ แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจและภาครัฐ ซึ่งสะท้อนผ่านรายงาน Edelman Trust Barometer ปี 2025 ที่ชี้ว่าประชากรโลกจำนวนมากมีความไม่พอใจและไม่มั่นใจว่าอนาคตของคนรุ่นถัดไปจะดีกว่ารุ่นปัจจุบัน

เพื่อลดช่องว่างนี้ เครือซีพีได้ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนริเริ่มโครงการ CONNEXT ED ตั้งแต่ปี 2559 นำเทคโนโลยีและระบบการวัดผลเชิงข้อมูลเข้าสู่การศึกษาภาครัฐ ภายใต้ 5 เสาหลัก ได้แก่ ความโปร่งใส กลไกตลาด ครูคุณภาพ หลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ปัจจุบันโครงการครอบคลุมโรงเรียนกว่า 6,000 แห่ง นักเรียน 2.3 ล้านคน และครู 129,000 คน ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและทักษะที่สอดคล้องกับโลกยุคใหม่

ขณะเดียวกัน ซีพียังลงทุนพัฒนาศักยภาพพนักงานในองค์กร ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัล การอบรมทักษะใหม่อย่างต่อเนื่อง และการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว

เสริมความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ

ด้านสิ่งแวดล้อม ซีพีกำหนดเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน สอดคล้องกับกรอบ SBTi โดยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 และ Net-zero ในระยะยาว ผ่านการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน การยกระดับประสิทธิภาพพลังงาน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกสโคป

ตัวอย่างการดำเนินงาน ได้แก่ การติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำในหน่วยงานของกลุ่ม และโซลาร์รูฟท็อปในร้านค้าปลีกอย่าง 7-Eleven ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้หลายหมื่นตันต่อปี

สำหรับภาคเกษตรซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซหลักของกลุ่ม ซีพีได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติ เช่น การจัดการฟางข้าวโดยไม่เผา และการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (AWD) เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเกษตรยั่งยืนหลายพันราย

เติบโตไปพร้อมชุมชน

หัวใจของการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม คือการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซีพีจึงดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนควบคู่การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าสนับสนุนประชาชน 5 ล้านคนภายในปี 2030 ผ่านการสร้างอาชีพที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน

โครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและธุรกิจกาแฟในพื้นที่สบขุ่นและอมก๋อย เป็นตัวอย่างของการเชื่อมโยง การอนุรักษ์ทรัพยากรกับการสร้างรายได้ให้ชุมชน ขณะที่โครงการ Zero Forest Burning ช่วยลดความเสี่ยงไฟป่าและปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วยการนำใบไม้แห้งมาแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ นอกจากนี้ ยังมีโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรประมงและการปลูกป่ากว่า 1.38 ล้านต้นทั่วประเทศ

บทบาทภาคธุรกิจกับอนาคตการเปลี่ยนผ่านของไทย

การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวไม่ใช่ภารกิจของภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว หากต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งธุรกิจ ภาคประชาสังคม และชุมชน ในการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและผู้คน

เครือซีพี สะท้อนให้เห็นว่า การดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างทั่วถึง และนำพาประเทศไทยสู่การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขับเคลื่อนด้านสิทธิมนุษยชนและการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมของเครือเจริญโภคภัณฑ์ สามารถดูได้จากรายงานประกอบด้านสิทธิมนุษยชน

https://www.cpgroupglobal.com/th/document/viewer/871/รายงานประกอบด้านสิทธิมนุษยชน-2567

Share the Post:

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง