
ทุกวันนี้ขยะพลาสติกในทะเลทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่า 11 ล้านตันไหลลงสู่มหาสมุทรในแต่ละปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าภายในปี 2040 ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือระดับโลกในการแก้ไขปัญหา
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลของโลก ได้ร่วมมือกับโครงการ Aerial Recon & Recovery Initiative (ARRI) ใช้เทคโนโลยีในการปกป้องระบบนิเวศทางทะเล ผ่านกลยุทธ์ SeaChange® ประกอบด้วยพันธกิจหลัก 11 ด้านที่เชื่อมโยงกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหนึ่งในนั้นมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในท้องทะเล ที่ตั้งเป้าในการลดการรั่วไหลของพลาสติกลงสู่มหาสมุทรให้ได้ 1,500 ตัน ภายในปี พ.ศ. 2573

นายอดัม เบรนนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหามลพิษทางทะเลจากขยะพลาสติกคือ เราต้องผสานความร่วมมือทั้งในระดับนานาชาติและระดับชุมชน พร้อมผลักดันให้เกิดการลงมือทำอย่างจริงจัง รวมถึงผสานเทคโนโลยีโดรนและ AI ของ ARRI ลงมือแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อลดภัยคุกคามที่คงอยู่ยาวนานที่สุดในมหาสมุทร และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อมุ่งฟื้นฟูสุขภาพของมหาสมุทร”


เทคโนโลยี AI กู้ขยะทะเลมองหายาก
ยกตัวอย่างโครงการที่ ไทยยูเนี่ยน ร่วมกับ ARRI ดำเนินโครงการ 6 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหา เครื่องมือประมงที่ถูกทิ้งหรือสูญหาย (Ghost Gear) บริเวณเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยโครงการใช้โดรนติดกล้องความละเอียดสูง บันทึกภาพที่ประมวลผลด้วยระบบ AI ของ ARRI ซึ่งออกแบบมาเพื่อระบุตำแหน่ง Ghost Gear โดยเฉพาะ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้การค้นหาและเก็บกู้ขยะที่มองเห็นยากทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะสามารถเก็บขยะได้ไม่น้อยกว่า 3,230 กิโลกรัม เพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างรับผิดชอบและฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล
ดร. ธันยา กาญจนรักษ์ ผู้อำนวยการโครงการ ARRI กล่าวว่า “เทคโนโลยีช่วยให้สามารถตรวจสอบพื้นที่มหาสมุทรขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ทีมสามารถกำหนดเป้าหมายในการเก็บกู้ในจุดที่มีผลกระทบมากที่สุด การร่วมมือกับไทยยูเนี่ยนทำให้เราสามารถขยายขอบเขตการทำงาน มีส่วนร่วมกับชุมชนมากขึ้น และสร้างวิธีแก้ปัญหาระยะยาวต่อวิกฤตอุปกรณ์ประมงที่ถูกทิ้งหรือสูญหายในท้องทะเลได้”
โดยโครงการยังมุ่งเน้นการป้องกันการสร้างมลพิษทางทะเลในระยะยาว ARRI ทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและชาวประมงเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ประมงที่ถูกทิ้งหรือสูญหายในท้องทะเล ที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการให้ความรู้และการร่วมมือกัน เพื่อให้ชาวประมงทิ้งอุปกรณ์ที่ชำรุดอย่างถูกวิธีป้องกันการปล่อยลงสู่ทะเล ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องเก็บกู้ในอนาคตและเสริมสร้างท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ในระยะยาว รวมถึงในภาคใต้ของประเทศไทย ไทยยูเนี่ยนยังร่วมมือกับ Second Life เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับชุมชนเกาะและชายฝั่งในการเก็บและรีไซเคิลพลาสติก เพื่อเปลี่ยนของเสียให้เป็นรายได้และวัสดุที่กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
เรือเก็บขยะพลังงานแสงอาทิตย์ในแม่น้ำเจ้าพระยา
ในกรุงเทพฯ ไทยยูเนี่ยนร่วมมือกับ Seven Clean Seas ผ่านโครงการ HIPPO (High Impact Plastic Pollution remOver) ให้การสนับสนุนการดำเนินงานเรือเก็บขยะพลังงานแสงอาทิตย์ ในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดักจับขยะในแม่น้ำ ช่วยลดปริมาณขยะในบริเวณดังกล่าว และร่วมป้องกันปัญหาขยะไหลออกสู่ท้องทะเล รวมถึงจัดกิจกรรมเก็บขยะทั่วโลกที่ระดมพนักงานและพันธมิตรของไทยยูเนี่ยนให้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเก็บขยะพลาสติกจากแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนที่จะไหลลงสู่อ่าวไทย

สร้างพันธมิตรร่วมปกป้องมหาสมุทรทั่วโลก
ไทยยูเนี่ยนเชื่อว่าการปกป้องมหาสมุทรเป็นเรื่องที่ทำคนเดียวไม่ได้ บริษัทจึงระดมทั้งพนักงานและพันธมิตรจากทั่วโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเหนือ ให้มาร่วมกันรับผิดชอบและดูแลมหาสมุทรอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับเครือข่ายระดับโลกอย่าง Global Ghost Gear Initiative (GGGI) และ International Seafood Sustainability Foundation (ISSF) เพื่อขับเคลื่อนความรับผิดชอบและนำนวัตกรรมมาใช้ในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายหลักคือการลดขยะในทะเลและการทำให้การทำประมงมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
“ความท้าทายนี้ยิ่งใหญ่มาก แต่ความก้าวหน้ามาจากการร่วมมือกัน นับตั้งแต่โดรนและ AI ไปจนถึงการเก็บขยะจากแม่น้ำและการรีไซเคิลแบบหมุนเวียน โครงการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการทำงานร่วมกันระหว่างภาคอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ และชุมชนในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทร” นายเบรนนันกล่าว