UNGC Leaders Summit 2021 (ตอนที่ 4) ประเด็นร้อนด้านความยั่งยืนในเวทีโลก

UNGCNT News
ผ่านไปแล้ว กับการประชุมความยั่งยืนครั้งสำคัญของโลก UNGC Virtual Leaders Summit 2021 ในปีนี้มีผู้นำความยั่งยืน เข้าร่วมงานมากกว่า 20,000 คน จาก 165 ประเทศ ผ่านทางระบบออนไลน์ต่อเนื่อง 26 ชั่วโมง ที่ถ่ายทอดสดจากมหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปยังทั่วโลก

นายอันโตนิโอ กูแทเรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ  กล่าวเปิดการประชุมในครั้งนี้ โดยระบุว่า ผู้นำความยั่งยืนที่มารวมตัวกันในครั้งนี้ พร้อมสนับสนุนแผนการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยองค์กรธุรกิจต่างๆ ที่เข้าร่วมงานนี้แสดงถึงความพร้อมที่จะร่วมรับผิดชอบและเดินหน้าลงมือในภารกิจการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  นอกจากนี้  ยังได้ย้ำว่าองค์กรธุรกิจจะต้องบูรณาการในเรื่องการลงทุน การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ ที่ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และคำนึงถึง ESG (Environmental, Social, Governance)

ด้านแซนด้า โอเจียมโบ ซีอีโอและผู้อำนวยการบริหาร UN Global Compact  แสดงความเป็นห่วงผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการ ขาดแคลนวัคซีน โดยมีหลายประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงการรับวัคซีนได้ ตลอดจนปัญหาการว่างงาน โดยเฉพาะ ในกลุ่มสตรีวัยทำงานที่ต้องถูกเลิกจ้างจากสถานการณ์โควิด-19 

ไฮไลท์ประเด็นความยั่งยืนในเวทีโลกวันนี้ หนีไม่พ้นการเรียกร้องให้ภาคธุรกิจแสดงบทบาทมากขึ้นและจริงจังขึ้น ในการบูรณาการความยั่งยืนเข้าสู่เป้าหมายและภารกิจองค์กร โดยเฉพาะประเด็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการลดความเหลื่อมล้ำ

ในงานนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ 3 ซีอีโอบริษัทไทยชั้นนำ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ที่แสดงถึงศักยภาพของผู้นำความยั่งยืนของไทยที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก และเป็นตัวอย่างขององค์กรธุรกิจที่นำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก (Global Goals) มาผนวกเข้ากับเป้าหมายองค์กร มีแผนงานที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมทั้งวัดผลได้ โดยเฉพาะเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

คุณศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศ และซีอีโอเครือเจริญ โภคภัณฑ์ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ  “Light the Way to Glasgow and Net Zero: Credible Climate Action for a 1.5 °C World”   หรือ “จุดคบเพลิงเพื่อมุ่งหน้าสู่การประชุม COP26 Glasgow และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์: ลงมือทำอย่างจริงจังเพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส”  ระบุว่าการที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ต้องเริ่มจากการทำให้คนในประเทศตระหนักถึงปัญหาการบริโภคที่ยังไม่ยั่งยืน เช่น การใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไปมาอย่างยาวนานที่ส่งผลให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ  ในฐานะที่ธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์เกี่ยวข้องกับอาหาร การเกษตร และการค้าปลีก จึงพยายามทำงานร่วมกับพันธมิตรมากกว่า 100,000 ราย ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 10 ปีข้างหน้าจะดำเนินการใน 3 หัวข้อหลัก  คือ 1) ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนตามปริมาณที่เครือฯ ต้องการใช้ใน 10 ปีหน้า 1,600 เมกะวัตต์ โดยจะลงทุนเรื่องพลังงานสีเขียวกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 2) ปลูกป่าให้ได้ 16 ล้านไร่ เพื่อครอบคลุมการชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ใน 10 ปีข้างหน้า รวมถึงมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครอบคลุมพื้นที่ของเกษตรกรในห่วงโซ่อุปทาน 3) ขับเคลื่อนการกำจัดขยะ โดยเฉพาะขยะอาหารในกระบวนการทั้งหมดให้เป็นศูนย์

ด้านคุณแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น อาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน)  เปิดวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กร หัวข้อ “A New Era of Action. Accelerate Climate Action: Raising Business Pathway to Decarbonization” หรือ “การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ: ยกระดับแนวทางธุรกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” โดยกล่าวว่า เอ็นอาร์เอฟ จะทำให้โลกปลอดคาร์บอนผ่านการเปลี่ยนแปลงระบบอาหาร โดยระบุอยู่ในทุกสิ่งขององค์กร ตั้งแต่วิสัยทัศน์ นโยบาย และเป้าหมายที่จะเป็นผู้ผลิตโปรตีนทางเลือกและอาหารจากพืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสร้างเครือข่ายกำลังการผลิตที่ครอบคลุมมากที่สุดในโลก ตั้งแต่แบรนด์ระดับสากล ไปจนถึงสตาร์ทอัพ สู่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อเปลี่ยนไปสู่การผลิตอาหารคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน สิ่งที่เอ็นอาร์เอฟให้ความสำคัญก็คือ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ให้เข้าใจถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กร ด้วยการมีนโยบายที่ชัดเจนที่ถ่ายทอดจากระดับผู้บริหารสูงสุด ไปถึงผู้บริหารระดับกลาง และผู้ปฏิบัติงานในระดับจัดซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานขององค์กร  

พร้อมทั้งได้แชร์มุมมองที่น่าสนใจว่า ความท้าทายสำคัญในธุรกิจอาหาร ก็คือ การเปลี่ยนผ่านจากผู้ผลิตที่ทำการเกษตรบนพื้นฐานของสารเคมี ไปสู่การทำการเกษตรชีวภาพ ที่ไม่ใช่สารเคมี  เพราะถ้าทำเช่นนี้ได้ย่อมทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจำไปได้ในตัว และสถานการณ์โควิด-19 ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในห่วงโซ่อุปทาน เพราะทุกคนต้องการมีสุขภาพดี ทุกคนต้องการอาหารสะอาด และต้องการ “เดี๋ยวนี้”  สิ่งที่ทุกคนต้องการ ไม่เพียงแต่ทำให้ตนเองรู้สึกดี แต่ยังทำให้โลกดีขึ้นด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองสิ่งที่ผู้คนต้องการนี้ จะผลักดันให้ภาคธุรกิจยกระดับแผนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

คุณโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวในหัวข้อ ”SDG Ambition: Mobilizing Ambitions Corporate Actions Towards the Global Goals หรือ ยกระดับการดำเนินงานขององค์กรธุรกิจสู่เป้าหมายความยั่งยืนระดับโลก โดยให้ความเห็นว่า ภาคเอกชนและภาครัฐ สามารถผลักดันการพัฒนานวัตกรรมร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ของสังคมได้ เช่นเดียวกับที่ไทยวาทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยชั้นนำ และสตาร์ทอัพ ในการวิจัยพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ จนถึงคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยถึงแผนงานของไทยวาว่ากำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปลายปีนี้ เป็นการพัฒนานวัตกรรม บรรจุภัณฑพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งนอกจากจะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ 100% ปลอดสารพิษและไม่เป็นอันตราย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย โดยไทยวาจะเป็นผู้บุกเบิกพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพจากมันสำปะหลังรายแรกของไทย และมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพชั้นนำในระดับภูมิภาค เพื่อนำไปสู่แนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรในระยะยาว  ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างทวนสอบรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ที่มา: https://www.posttoday.com/politic/columnist/655982

UN Global Compact Leaders Summit 2021

ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้