World Breastfeeding Week
สวัสดิการจากแม่ถึงลูก สายใยสู่องค์กรยั่งยืน
ในปัจจุบัน บุคลากรหญิงในวัยทำงานกว่าครึ่งจากพันล้านคนไม่ได้รับความคุ้มครองที่จำเป็นสำหรับการคลอดบุตรจากกฎหมายในประเทศของตน มีเพียง 20% ของประเทศเท่านั้นที่กำหนดให้นายจ้างจัดหาเวลาพักและอำนวยความสะดวกให้พนักงานในช่วงให้นมลูกหรือปั๊มน้ำนมโดยยังได้รับค่าตอบแทน
เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชนทั่วโลกเกี่ยวกับความสำคัญของการให้นมบุตร รวมถึงสนับสนุนให้แม่ป้อนนมบุตรได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย วันที่ 1 – 7 สิงหาคมของทุกปีจึงถูกกำหนดขึ้นเป็น “สัปดาห์นมแม่โลก: World Breastfeeding Week” โดยมี WABA: World Alliance for Breastfeeding Actions. หรือพันธมิตรโลกเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นแกนนำ โดยการสนับสนุนจากองค์กรหลายองค์กรร่วมทั้ง UNICEF และ WHO
สำหรับประเทศไทย การกำหนดนโยบายเพื่อสนับสนุนสวัสดิการบุคลากรหญิง โดยเฉพาะการให้นมบุตรในองค์กรอาจยังไม่ครอบคลุมความต้องการอย่างเท่าเทียมนัก อย่างไรก็ตามการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน และจริยธรรมที่ดี ควรมีแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) การใส่ในต่อสวัสดิการของพนักงานจึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะ ‘พนักงาน’ คือ หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจที่ยั่งยืน
“การให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพของพนักงาน ควบคู่ความเป็นอยู่ของครอบครัวพนักงาน” จึงเป็นแนวทางดำเนินธุรกิจแห่งความยั่งยืนที่ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องประดับที่ดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้ยึดมั่นมากว่า 50 ปี
ด้วยความเชื่อของแพรนด้าว่า…จุดเริ่มต้นการผลิตเครื่องประดับอัญมณีที่ได้มาตรฐานชั้นนำของโลก เกิดจากการรังสรรค์งานฝีมือคุณภาพสูงของพนักงาน ที่ต้องอาศัยช่างฝีมือผู้มีความเชี่ยวชาญ กับงานอัญมณีที่อาศัยการเจียระไนให้เกิดคุณค่า ความละเอียดอ่อนและฝีมือจึงเป็นทักษะเฉพาะบุคคลที่ต้องจบในมือของคนที่เริ่มเท่านั้น ไม่สามารถส่งให้คนอื่นทำต่อได้
จุดนี้จึงทำให้แพรนด้าใส่ใจไปถึงคนรอบตัวพนักงานเมื่อถึงเวลาที่มีครอบครัวและต้องใช้เวลาในการดูแลลูกมากขึ้น แพรนด้าจึงมองไกลและตั้งพันธกิจที่ให้ความสำคัญกับ ‘สถาบันครอบครัว’ เพื่อคอยสนับสนุนพนักงานที่ก้าวสู่บทบาทพ่อแม่ให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สบายใจและอบอุ่นใจที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสวัสดิการที่ครอบคลุมถึงคนในครอบครัว
ดูแลพนักงานเสมือนหนึ่งคนในครอบครัว
‘คน’ จึงเป็น ‘ทรัพยากรบุคคล’ ที่มีคุณค่าที่สุดของแพรนด้า และเป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมที่แพรนด้าตั้งมั่นในการดูแลรักษาพนักงานและครอบครัวไว้ให้ถึงที่สุด ผ่านการกำหนดแนวทางปฏิบัติด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ให้ความสำคัญซึ่งกันและกันเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อตัวหรือแย่งตัว
โดยมองผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง 3 ฝ่าย นั่นคือ พนักงาน ครอบครัว(ลูก) และบริษัท ด้วยการวางโครงสร้างสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของพนักงาน ให้พนักงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมครอบครัว สร้างอาณาจักรโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้พนักงานสามารถทำงานได้แสดงความสามารถอย่างไม่มีข้อจำกัด พร้อมทั้งยังสามารถดำรงบทบาทการเป็นสมาชิกครอบครัวได้อย่างเต็มที่
แพรนด้ามีอาคารหอพักสำหรับพนักงานของบริษัทเป็นที่พักราคาประหยัด มีโรงอาหารที่ถูกสุขอนามัย จำหน่ายอาหารที่มีคุณค่าทางโภขนาการในราคาย่อมเยา มีสถานออกกำลังกาย โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในสถานประกอบการ ที่ช่วยลดภาระพ่อแม่พนักงานจากการตื่นเช้าไปส่งลูก ลด
โอกาสการลางานก่อนเวลาเพื่อไปรับลูกช่วงบ่าย ทำให้พนักงานหมดกังวล วางใจที่มีศูนย์และผู้ดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด และสามารถทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศูนย์พัฒนาเด็ก แพรนด้า ความใส่ใจที่ส่งต่อถึงครอบครัว
คุณหมิว เจ้าหน้าที่โซนคลังสินค้า จัดส่งสินค้าในประเทศ แม่น้องน้ำหนาว (2 ขวบ) “แพรนด้ามีสวัสดิการช่วยได้เยอะ เมื่อก่อนติดต่อลูกยากเพราะให้อยู่กับตายาย พอย้ายมาที่ศูนย์ใกล้เราสบายใจกว่า ได้เจอลูกมากขึ้น มีเวลาให้ลูกเต็มที่ ลูกได้รับความอบอุ่น พัฒนาการดีขึ้น เมื่อก่อนไม่ค่อยพูดจา ตรงนี้มีเพื่อน เจอคนเยอะ เข้าสังคมเป็น ช่วยเหลือตัวเองได้เยอะ เพิ่ง 2 ขวบ แต่อาบน้ำแต่งตัว กินข้าวได้เอง”
“แพรนด้าใส่ใจในทั้งรายได้ ครอบครัวและความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก (ตั้งแต่ทำงานมา แพรนด้าเป็นที่แรกที่ดูแลถึงครอบครัว) ทำงานแล้วหมดห่วง ลูกอยู่ใกล้ตัว มีเหตุฉุกเฉินไปหาลูกได้ตลอด ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย”
คุณปัท พนักงานล้าง แผนกช่างขัด แม่น้องลูกตาล (8 เดือน) “ทำงานที่แพรนด้ามา 2 ปี ตั้งแต่ท้องน้องได้เข้าโครงการคุณแม่มือใหม่ ชอบที่แพรนด้าดูแลถึงครอบครัว ค่าใช้จ่ายศูนย์เลี้ยงเด็กอ่อน วันละ 50 บาท แต่มีคุณภาพมาก รู้จักสวัสดิการนี้มาก่อน เพราะแม่ของสามีทำงานที่นี่มา 20 ปี สามีก็ได้รับการฝากเลี้ยงที่นี่ (เป็นรุ่นที่ 2 ที่ได้รับสวัสดิการนี้) ทำให้ประทับใจ อยากทำงานต่อไปยาวๆ ตอนท้องทำงานจนถึง 5 เดือน ก็ลาจนน้องถึง 2 เดือนก็ค่อยกลับมาทำงาน ซึ่งที่นี่ปกติลาได้ถึง 4 เดือน โดยยังจ่ายค่าแรง”
จากอุตสาหกรรมสู่ครอบครัวที่แข็งแรง (องค์กรยั่งยืน)
เพราะนมแม่คือภูมิคุ้มกันแรกของชีวิตลูก ไม่เพียงแค่สารอาหารจำเป็นที่ลูกได้รับแต่ยังรวมถึงสายใยความผูกพันธ์ของผู้เป็นแม่ที่ส่งต่อไปยังลูกในขณะให้นม เสริมสร้างความมั่นคง ปลอดภัยในตัวเด็ก ซึ่งสามารถส่งผลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพและความสามารถของเด็ก
การให้นมบุตรเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของการเป็นแม่ องค์กรและนายจ้างสามารถดำเนินนโยบายและกำหนดข้อปฏิบัติพื้นฐาน เพื่อสะท้อนถึงการให้ความสำคัญและสนับสนุนส่งเสริมให้พนักงานสามารถดูแลลูกและให้นมบุตรได้อย่างเหมาะสม สร้างความสัมพันธ์และทัศนคติที่ดีระหว่างพนักงานกับองค์กร โดยองค์กรสามารถเริ่มจากโครงการแม่มือใหม่ จัดให้มีห้องให้นมบุตรและมีทีมพยาบาลดูแลสุขอนามัยและโภชนาการ รวมถึงจัดเวลาให้พนักงานสามารถปั๊มนม และมีตู้เย็นสำหรับจัดเก็บอย่างเหมาะสม
การมองพนักงานให้เป็นครอบครัวจึงทำให้นายจ้างได้เข้าใจความต้องการและความท้าทายที่พนักงานต้องเผชิญ การให้สวิสดิการอย่างเหมาะสมในการให้นมบุตรนอกจากช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวซึ่งลูกได้รับความรักและการดูแลอย่างอบอุ่น ช่วยส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่ที่ดีในครอบครัวของพนักงานแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในสถานที่ทำงานของพนักงานหญิง ลดความเครียดและความกังวลจากการห่างจากลูก เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โอกาสในการเติบโตและพัฒนาทักษะของพนักงานอย่างต่อเนื่อง
การให้สวิสดิการพนักงานในการให้นมบุตรที่เหมาะสมนอกจากช่วยสร้างบรรยากาศที่ใส่ใจดูแลในสถานที่ทำงานแล้วยังส่งผลดีต่อพนักงานและองค์กร ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวของพนักงานเปรียบเสมือนสายใยของบริษัทที่เชื่อมโยงถึงพนักงาน
อุตสาหกรรมจึงควรให้ความสำคัญในการให้สวิสดิการพนักงานเพื่อสนับสนุนให้แม่ได้ป้อนนมบุตรได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและพัฒนาทักษะของพนักงานให้สามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและมีความเต็มใจในการทำงานของตน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ดีและความรักในองค์กรที่ช่วยเสริมสร้างสายใยความรู้สึกผูกพันธ์ที่ส่งต่อจากแม่ถึงลูก และจากองค์กรสู่หัวใจพนักงานอย่างยั่งยืน