GCNT ร่วมกับและภาคีเครือข่าย จัดเวทีระดับชาติด้านสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 6

UNGCNT News



สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (GCNT) ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)  องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จัดการประชุมระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 

ภายใต้ประเด็น “การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเข้าถึงกลไกการเยียวยาและการจัดการข้อร้องเรียน สำหรับแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (UNGPs) หวังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และยกระดับการเข้าถึงกลไกการเยียวยาและการจัดการข้อร้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทไทย

นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวเปิดการประชุมครั้งนี้ว่า ความเข้าใจและตระหนักรู้ในหลักการ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาและการจัดการที่เป็นไปตามกลไกของตุลาการและกลไกอื่นๆ เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ ในขณะที่ภาครัฐ มีหน้าที่ในการคุ้มครองแรงงาน ภาคธุรกิจ ซึ่งมีประสบการณ์ในการช่วยเหลือและจัดการข้อร้องเรียนที่เกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ และภาคประชาสังคมที่ให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติให้เข้าถึงความคุ้มครอง รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันการคุ้มครองสิทธิของแรงงานข้ามชาติ ทุกภาคส่วนจึงมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานเรื่องนี้ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง 

นางสาวอาริสรา สุธาสุทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักกิจการองค์กรและเลขานุการบริษัท บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กรรมการบริหาร สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ร่วมกล่าวเปิดงานว่า ภายในปี 2566  สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์  ในขณะที่ประชากรวัยแรงงานจะมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากขึ้น ดังนั้น การบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะการเข้าถึงกลไกการเยียวยาและการจัดการข้อร้องเรียน จึงถือเป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนควรตระหนักและเตรียมความพร้อม

ภายในงาน มีการนําเสนอแนวคิด หลักการ และมาตรฐานของการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพและความรับผิดชอบขององค์กร รวมทั้งการเสวนาของ 3 ภาคส่วน ได้แก่ บทบาทรัฐในการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติตามมาตรการทางตุลาการและมาตรการอื่นๆ บทบาทของภาคธุรกิจในการช่วยเหลือและจัดการข้อร้องเรียนที่เกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ  ซึ่งมีตัวแทนจากองค์กรสมาชิก GCNT  ร่วมเสวนาด้วย คือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนาของภาคประชาสังคมที่พูดคุยกันเรื่องการส่งเสริมเข้าถึงการเยียวยา และปิดท้ายด้วยการประชุมระดมความคิดเห็น



นางสาววรรัตน์ เลิศอนันต์ตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในเสวนาว่า ไทยยูเนี่ยนมีนโยบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจนและครอบคลุมในห่วงโซ่อุปทาน  เริ่มตั้งแต่การสรรหาการอบรมร่วมกับคู้ค้า และมีคณะทำงานติดตามในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีร่วมเก็บข้อมูลและรับข้อร้องเรียน ทั้ง Proactive คือรับฟังปัญหาจากแรงงานโดยตรง และ Reactive คือสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Hotline สายด่วน  Speak out channel   โดยแต่ละปีจะมีการสรุปเป็นสถิติและรายงานต่อสาธารณะ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กร
 

ด้านนายภูมิ  ศิรประภาศิริ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร  บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เครือเจริญโภคภัณฑ์มีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 450,000 คน กระจายอยู่ใน 21 ประเทศทั่วโลก ตระหนักดีถึงความสำคัญของการบริหารจัดการประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะแรงงานช้ามชาติ

โดยกำหนดนโยบายเฉพาะในเรื่องนี้ และทำงานกับคู่ค้า รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ  รวมทั้งหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น  Labor Protection Network Foundation : LPN  เพื่อผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่นจนถึงระดับนานาชาติ และยังได้จัดทำ "รายงานสิทธิมนุษยชน" เผยแพร่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยยึดมาตรฐานสากลตามกรอบ UN Guiding Principles Reporting Framework (UNGPRF)

ปัจจุบันพบว่ามีบริษัทไทยจำนวนมากที่แสดงความมุ่งมั่นด้านสิทธิมนุษยชนตามหลักการของ UNGPs และแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (NAP) โดยบริษัทจดทะเบียนไทยเกือบ 170 แห่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานและรายงานการดำเนินงานด้าน ESG  ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ได้กำหนดให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลในการเข้าถึงกลไกการเยียวยาและการจัดการข้อร้องเรียนในรายงาน One-Report 56-1 ด้วย  

อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทไทยบางส่วนยังคงไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เท่าที่ควร จากข้อมูลของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พบว่า ข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาแรงงานข้ามชาติเป็นหนึ่งในข้อร้องเรียนที่ได้รับมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 โดยเรื่องแรงงานช้ามชาติยังเป็นประเด็นเปราะบางที่ต้องได้รับการใส่ใจดูแล เนื่องจากสถานะการเข้าเมืองและความไม่มั่นคงทางการเงิน ที่นำไปสู่อุปสรรคใหญ่ในการเข้าถึงการเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการขาดกลไกการร้องทุกข์ อุปสรรคด้านภาษา ความกลัวการตอบโต้ กระบวนการที่ยาวนานและเป็นระบบราชการ ความโปร่งใสในระดับต่ำและมีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับแรงงานข้ามชาติ

ภาคธุรกิจในประเทศไทยจำนวนมากยังต้องพึ่งพาการจ้างงานแรงงานข้ามชาติ  ความท้าทายหนึ่งสำหรับบริษัทไทย ในฐานะส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานระดับโลก คือการบังคับใช้กฎหมายตรวจสอบวิเคราะห์สถานะด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป จึงเป็นประเด็นสำคัญที่บริษัทควรแสดงความรับผิดชอบในการบรรเทาผลกระทบทางลบผ่านบทบัญญัติการแก้ไขที่เหมาะสม ตลอดจนส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานของแรงงานข้ามชาติตามหลักการของ UNGPs และ NAP

ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้