โรงงานบางปู ต้นแบบของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนด้วยดิจิทัล

Environment

“ความยั่งยืน” นั้นไม่ใช่แค่แนวคิด แต่คือการลงมือทำจนได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

มงคล ตั้งศิริวิช ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา กล่าวถึงเป้าหมายของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราคือผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีพลังงาน ช่วยสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้วยการนำระบบไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และระบบดิจิทัล มาใช้ เทคโนโลยีของเราช่วยให้อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ โรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน และโครงข่ายไฟฟ้าทำงานเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่นและยั่งยืน


จากนโยบายสู่การปฏิบัติ “โรงงานอัจฉริยะบางปู”

โรงงานชไนเดอร์ อิเล็คทริค บางปู (Schneider Electric Bangpoo Smart Factory) เริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่ปี 1989 ซึ่งเป็นระยะเวลาถึง 35 ปี ปัจจุบันเป็นโรงงานต้นแบบด้านการผลิตสินค้านวัตกรรมหลากหลายชนิด เช่น อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร (Miniature Circuit Breakers) เบรกเกอร์ป้องกันไฟรั่ว (RCBOs) และ อุปกรณ์ป้องกันไฟกระแสสูง (Molded Case Circuit Breakers)

โรงงานใช้ระบบบริหารจัดการพลังงานด้วยระบบดิจิทัล เช่น Power Monitoring Expert (PME) และ Resource Advisor เพื่อตรวจสอบ วิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ช่วยลดการใช้พลังงานลงถึง 30% และการปล่อยคาร์บอนในไทยได้มากกว่า 1,000 ตันต่อปี รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานสากลด้านคุณภาพ ISO9001 ด้านสิ่งแวดล้อม ISO14001 ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย OHSAS45001 และด้านการจัดการพลังงาน ISO50001 

โรงงานระบบพลังงานไฟฟ้า

ไม่เพียงใช้ระบบดิจิทัลในการจัดการโรงงาน แต่ยังใช้พลังงานหมุนเวียนด้วยระบบโซลาร์บนหลังคา (Rooftop solar system) ขนาด 1.38 เมกะวัตต์ (MWp) ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 11% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของโรงงาน ครอบคลุมการใช้ไฟฟ้าต่อปีได้ถึง 40% และนำมาใช้ในโรงงานช่วงกลางวันสูงถึง 70% รวมถึงใช้ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) และโครงสร้างพื้นฐานไมโครกริด ขนาด 125 กิโลวัตต์ / 250 กิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยลดการใช้พลังงานสูงสุด สามารถรองรับการทำงานที่ต่อเนื่องแม้เกิดไฟดับและประหยัดพลังงานได้ถึง 3% ต่อปี 

โดยโรงงานชไนเดอร์ อิเล็คทริค บางปู กำลังเดินหน้าสู่การดำเนินงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-Neutral) ภายในปี 2025 นี้ (Scope 1 และ Scope2) เพื่อเป้าหมาย Net-Zero ready ภายในปี 2030

ทั้งนี้ คุณมงคล ตั้งศิริวิช กล่าวถึงความมุ่งมั่นขององค์กร ต้องการเป็นผู้สร้างผลกระทบเชิงบวก (Impact Maker) ที่วัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมจากโครงการ Schneider Sustainability Impact Report ที่ช่วยให้ซัพพลายเออร์กว่า 1,000 ราย สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 53% และองค์กรสามารถลดและหลีกเลี่ยงการปล่อยคาร์บอนให้ลูกค้าตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบันที่ 792 ล้านตันคาร์บอนเทียบเท่า ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 700 ล้านตันคาร์บอน พร้อมก้าวสู่การบรรลุเป้าหมาย Net-Zero ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2050

 

ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้