วิกฤติการณ์ด้านพลังงานทั่วโลกก่อตัวและเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ทั้งจากการขาดแคลนแหล่งพลังงานและผลกระทบของการใช้พลังงานที่มีต่อสภาวะสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นเมืองอัจฉริยะและสังคมคาร์บอนต่ำ เป็นสองทิศทางใหญ่ในการพัฒนาโลกที่จะกำหนดอนาคตในอีกสามถึงสี่ทศวรรษหน้า ปัจจุบันทั่วโลกได้มีฉันทามติเกี่ยวกับ "ความเป็นกลางทางคาร์บอน" และมากกว่า 130 ประเทศในทุกภูมิภาคทั่วโลกได้ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนเรียบร้อยแล้ว
สำหรับประเทศไทยตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ “พลังงานสีเขียว” และการกระจายอำนาจในการผลิตพลังงาน คือคำตอบ
ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่การปฏิวัติด้านการผลิตพลังงานและการใช้พลังงานเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการยกระดับทุกสาขาอาชีพสู่การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำด้วย
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะในธุรกิจอุตสาหกรรมและพลังงาน หัวเว่ยมุ่งมั่นสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ ลดการใช้พลังงาน หันมาใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องและเร่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงานผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน สร้างสังคมคาร์บอนต่ำและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย หัวเว่ยได้ก่อตั้งธุรกิจ Digital Power ในประเทศไทยเมื่อปี ค.ศ. 2021 โดยคิดค้นและนำเสนอโซลูชันและการบริการที่ปลอดคาร์บอน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน และก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของอาเซียน ปัจจุบันหัวเว่ยช่วยจัดหาโซลูชันโซล่าร์เซลล์อัจฉริยะสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 2.4 กิกะวัตต์ในประเทศไทย
หัวเว่ย ช่วยให้องค์กรกว่า 1,000 แห่ง ลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของโรงงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 6.72 ล้านตัน
หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับภาครัฐบาล หน่วยงาน องค์กรธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และพันธมิตร เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน สร้างสังคมไทยอัจฉริยะและคาร์บอนต่ำไปด้วยกัน