5 ขั้นดำเนินการ เพื่อนำโลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน

Article

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา โลกถูกกระตุ้นเตือนเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังย่ำแย่อีกครั้ง เมื่อองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO (World Meteorological Organisation) เปิดเผยรายการฉบับล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า 7 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่เคยมีการบันทึกมา และในเวลา 5 ปีนับจากนี้ มีโอกาส 50:50 ที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกจะสูงขึ้นชั่วคราวถึง 1.5 องศา จากยุคก่อนอุตสาหกรรม โดยยิ่งเวลาผ่านไป แนวโน้มนี้จะเข้าใกล้ความเป็นจริงขึ้นทุกที 

แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาคส่วนต่างๆ จะตระหนักและเริ่มดำเนินการเพื่อแก้ปัญหา แต่ความเปลี่ยนแปลงยังไม่คืบหน้า ซ้ำวิกฤตดังกล่าวยังยิ่งทวีความรุนแรงสู่หายนะระดับโลก สภาพอากาศสุดขั้วจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตมนุษย์อย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตามก่อนชะตาของเราทุกคนจะไปถึงจุดที่ไม่อาจหวนคืน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกมาเรียกร้องอีกครั้ง ถึงหนทางแห่งความหวังที่มนุษยชาติยังสามารถทำได้ ผ่าน 5 ขั้นดำเนินการ ที่รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ เพื่อนำโลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน เพื่อความมั่นคงทางพลังงานที่แท้จริง


ความเป็นจริงที่ปรากฏ

โดยตัวประเมินที่ชี้ระดับโลกรวนในปี 2021 ได้ทุบสถิติระดับวิกฤตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ระดับน้ำในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ 

  • เกือบ 1 ใน 4 ของการปล่อยคาร์บอนถูกดูดซับโดยมหาสมุทร ทำให้น้ำทะเลมีสภาพเป็นกรดมากขึ้น สิ่งนี้คุกคามสัตว์ป่าและปะการังที่ก่อตัวเป็นเปลือกหอย รวมถึงคุกคามความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว และการป้องกันตามแนวชายฝั่ง 
  • ก๊าซคาร์บอนและก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่เข้มข้น อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปัจจุบันความหนาแน่นของคาร์บอน นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมถึง 50% จากการจุดชนวนการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมากตลอดเวลาที่ผ่านมา
  • อุณหภูมิโลกปี 2021 สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.1 องศาเซลเซียส และเข้าใกล้ขีดจำกัด 1.5 องศาที่ประเทศต่างๆ ในโลกทำข้อตกลง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด และไม่มีวันหวนคืนแล้ว
  • WMO ตรวจพบคลื่นความร้อนพิเศษเมื่อปีที่ผ่านมา ในอเมริกาเหนือตะวันตกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน น้ำท่วมรุนแรงในจีนและยุโรปตะวันตก รวมถึงมีการบันทึกปริมาณน้ำฝนเป็นครั้งแรกบนยอดแผ่นน้ำแข็งของกรีนแลนด์ และแอฟริกาตะวันออกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงสูงที่ฝนจะตกเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งหมายถึงความแห้งแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี กำลังจะมาถึง

  • มหาสมุทรของโลกดูดซับความร้อนมากกว่า 90% ที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจก และ เมื่อปีที่ผ่านมา มหาสมุทรส่วนใหญ่ประสบกับคลื่นความร้อนทางทะเลอย่างน้อย 1 ครั้ง นอกจากนี้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกยังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 10 ซม. นับจากปี 1993 
  • ระดับน้ำทะเลทะยานสูงขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว จากการละลายของแผ่นน้ำแข็งและธารน้ำแข็ง รวมถึงการขยายตัวตามความร้อนของมหาสมุทร ระดับน้ำที่สูงขึ้นคุกคามผู้อยู่อาศัยตามแนวชายฝั่งหลายร้อยล้านคนทั่วโลก และจะเพิ่มความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮอริเคนและพายุไซโคลน

สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของผลกระทบของมนุษยชาติที่มีต่อโลก ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบที่ต่อเนื่องยาวนานสู่อนาคต คร่าชีวิตผู้คน และสร้างความเสียหายหลายแสนล้านดอลลาร์ อย่างในปัจจุบันที่เรากำลังประสบ ภัยแล้งและน้ำท่วมส่งผลให้อาหารและวัตถุดิบต่างๆ มีราคาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

“สภาพอากาศของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปต่อหน้าต่อตา ก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์สร้างขึ้นจะทำให้โลกร้อนขึ้นอีกหลายชั่วอายุคน ธารน้ำแข็งบางแห่งถึงจุดที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีกแล้ว และสิ่งนี้จะส่งผลระยะยาวต่อโลกที่ผู้คนมากกว่า 2,000 ล้าน ประสบกับการขาดแคลนจืดอยู่แล้ว” เพตเทอรี ทาลาส (Petteri Taalas) เลขาธิการ WMO กล่าว

“เราได้เห็นภาวะภัยแล้งฉุกเฉินในแอฟริกา น้ำท่วมรุนแรงครั้งล่าสุดในแอฟริกาใต้ รวมถึงสภาพร้อนจัดในอินเดียและปากีสถาน ที่แสดงให้เห็นว่าระบบเตือนภัยล่วงหน้ามีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อช่วยชีวิตผู้คน แต่ระบบเหล่านี้มีอยู่ไม่ถึงครึ่ง ในสมาชิก 187 ประเทศของ WMO”


ก่อนบ้านหลังเดียวจะมอดไหม้

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่าหวาดวิตก หลังการรายงานของ WMO อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ จึงออกมาเรียกร้องอีกครั้ง ถึงหนทางแห่งความหวังที่มนุษยชาติยังสามารถทำได้ นั่นคือการปฏิวัติสู่พลังงานหมุนเวียน ก่อนสภาพภูมิอากาศโลกดำดิ่งสู่จุดที่ไม่อาจหวนคืนได้ออกมาอีกต่อไป 

ระบบพลังงานทั่วโลกกำลังล่มสลาย และทำให้เราขยับเข้าใกล้ภัยพิบัติด้านสภาพอากาศขึ้นทุกขณะ เชื้อเพลิงฟอสซิลคือทางตันทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ สงครามในยูเครนและผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีต่อราคาพลังงาน เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่เราต้องตระหนัก 

“อนาคตที่ยั่งยืนเพียงอย่างเดียวคืออนาคตที่หมุนเวียนได้ เราต้องยุติมลพิษจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานหมุนเวียนภายในทศวรรษนี้ ก่อนที่บ้านเพียงหลังเดียวของเราจะมอดไหม้ เวลาของพวกเรากำลังจะหมดลง


ข่าวดีก็คือ อุปกรณ์ชูชีพแห่งชีวิตอยู่ตรงหน้าเราแล้ว ลมและแสงอาทิตย์มีพร้อมใช้ และโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีราคาถูกกว่าถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ หากเราร่วมมือกัน การปฏิวัติด้านพลังงานหมุนเวียนอาจเป็นโครงการสันติภาพแห่งศตวรรษที่ 21

การปฏิวัติระบบพลังงานเป็นเหมือนผลไม้ที่พร้อมให้เราเก็บเกี่ยว ลมและแสงอาทิตย์มีพร้อมใช้ เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนก็นั้นหาได้ง่ายขึ้น และโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีราคาถูกกว่าถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ต้นทุนพลังงานลมลดลงมากกว่าครึ่ง ต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ลดลง 85% และการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนสร้างโอกาสงานตลอดห่วงโซ่ มากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลถึงสามเท่า


โอกาสสุดท้ายของเหล่าผู้นำโลก

เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานหมุนเวียนอย่างทันท่วงที อันโตนิโอ กูเตอร์เรส นำเสนอ 5 ขั้นดำเนินการ ที่รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ 


01

เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เช่น การจัดเก็บแบตเตอรี่ จะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าสาธารณะอื่นๆ ทั่วโลกที่มีความจำเป็นและสามารถหาซื้อได้ อุปสรรคที่ขัดขวางการแบ่งปันความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนข้อจำกัดด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนจะต้องถูกผลักออกไปให้พ้นทาง ซึ่งจะเป็นบันไดขั้นสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม

ที่ผ่านมา รูปแบบการจัดเก็บไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน มักถูกกล่าวถึงว่าเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด ในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ดังนั้นจึงต้องเกิดความร่วมมือระดับโลกเกี่ยวกับการจัดเก็บแบตเตอรี่ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและนำไปสู่การปรับใช้อย่างรวดเร็ว และเมื่อรัฐบาลนำการขับเคลื่อน เมื่อนั้นบริษัทเทคโนโลยี ผู้ผลิต และนักลงทุนจะมารวมกัน


02 

ส่วนประกอบและวัตถุดิบสำคัญสำหรับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน จะต้องถูกเพิ่มขนาดการผลิต การกระจายตัว เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากในปัจจุบัน ห่วงโซ่อุปทานของเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนและวัตถุดิบกระจุกตัวอยู่ในไม่กี่ประเทศ 

ยุคสมัยแห่งการหมุนเวียนจะไม่สามารถเบ่งบานได้ จนกว่าเราจะเชื่อมปิดช่องว่างขนาดใหญ่นี้ลงได้ ด้วยการสอดประสานทำงานกันระหว่างประเทศ รัฐบาลต้องลงทุนให้เกิดการฝึกอบรมทักษะ การวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงสร้างแรงจูงใจเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานสำหระบเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนให้เกิดขึ้นภายในประเทศ


03 

รัฐบาลต้องสร้างกรอบการทำงานและปฏิรูประบบราชการ เพื่อยกระดับสนามจำลองสำหรับพลังงานหมุนเวียน ระบบราชการในหลายประเทศ ยังคงสนับสนุนและเอื้อประโยชน์ต่อเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นภัยร้ายแรง เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคอขวด ซึ่งโครงการด้านพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ถูกทำให้ล่าช้าด้วยระบบราชการ การขออนุญาตมากมาย ตลอดจนการเชื่อมต่อกับโครงข่ายเดิม

รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว และปรับปรุงการอนุมัติโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม รวมถึงปรับปรุงโครงข่ายพลังงานให้ทันสมัย และต้องกำหนดเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนที่มีความทะเยอทะยาน และเกี่ยวเนื่องกับการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศา 

เพื่อมอบความชัดเจนและแน่นอนแก่นักลงทุน นักพัฒนา ผู้บริโภค และผู้ผลิตทั้งหลาย ซึ่งแน่นอนว่านโยบายด้านพลังงานหมุนเวียนจะเป็นปัจจัยพื้นฐาน ที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านตลาดและขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนในภาคส่วนนี้มากขึ้น


04 

รัฐบาลต้องยุติเงินที่อุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อปกป้องผู้คนรวมถึงชุมชนที่ยากจนและเปราะบางที่สุด 

ทุกวันนี้ ในทุกๆ นาที ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซจะได้รับเงินอุดหนุนประมาณ 11 ล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าในแต่ละปี รัฐบาลทั่วโลกทุ่มเงินราว 5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อทำให้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีราคาถูกลงอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งมากกว่าเงินอุดหนุนที่พลังงานหมุนเวียนได้รับจากเหล่ารัฐบาลถึง 3 เท่า

ในขณะที่ผู้คนต้องทนทุกข์จากราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สูงขึ้น อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซกลับเติบโตพุ่งขึ้นเป็น 1 พันล้านดอลลาร์จากกลไกตลาดที่บิดเบี้ยว ความย้อนแย้งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป

 

05 

การลงทุนของภาครัฐและเอกชนในด้านพลังงานหมุนเวียน จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า หรือ 4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี 

สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เงินลงทุนที่ต้องจ่ายล่วงหน้าสำหรับดำเนินการคิดเป็น 80% ของค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน นั่นหมายความว่าการควักกระเป๋าลงทุนครั้งใหญ่ในตอนนี้ จะสร้างผลตอบแทนมหาศาลให้เก็บเกี่ยวต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า 

อย่างไรก็ตาม ประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศจ่ายต้นทุนทางการเงิน มากกว่าประเทศพัฒนาแล้วถึง 7 เท่า ดังนั้นเราจึงต้องการการเงินแบบผสมผสาน (Blended Finance) ซึ่งใช้เงินทุนจากภาครัฐเป็นตัวกระตุ้นการลงทุน ร่วมลงทุน เพื่อปิดช่องว่างด้านการทุนและปลดล็อกเงินทุนนับล้านล้านดอลลาร์ ที่ดำเนินการโดยภาคเอกชน เพื่อปรับกรอบความเสี่ยง และทำให้การขยายการเงินต่อพลังงานหมุนเวียนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น 

ฝ่ายบริหารและผู้ถือหุ้นของธนาคารตลอดจนสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา ต้องมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อประเด็นนี้ พอร์ตสินเชื่อทั้งหมดจะต้องถูกจัดการให้สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส อย่างช้าที่สุดภายในปี 2024 และต้องยุติการเงินที่สร้างการปล่อยมลพิษสูงทั้งหมด 

ขณะเดียวกันต้องเกิดการใช้งบดุลอย่างสร้างสรรค์เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานหมุนเวียน และนั่นหมายถึงการกำหนดเป้าหมายในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียนจำนวนมาก รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและนโยบาย

ธนาคารพาณิชย์และทุกส่วนของระบบการเงินทั่วโลก จำเป็นต้องขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน พร้อมกับเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานหมุนเวียนเป็นหนทางเดียวสู่ความมั่นคงทางพลังงาน ราคาพลังงานที่มีเสถียรภาพ และโอกาสการจ้างงานที่ยั่งยืน

ทุกประเทศ เมือง ตลอดจนพลเมือง ทุกสถาบันทางการเงิน บริษัท และองค์กรภาคประชาสังคมล้วนมีบทบาท และหากเราร่วมมือกัน การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานหมุนเวียนจะกลายเป็นโครงการสันติภาพแห่งศตวรรษที่ 21 

อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญที่สุด ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำภาครัฐและเอกชนจะต้องหยุดกล่าวว่าพลังงานหมุนเวียนเป็นโครงการในอนาคตอันไกลโพ้น เพราะหากไม่มีพลังงานหมุนเวียน ก็ไม่มีอนาคต อย่างที่ปรากฏอย่างชัดเจนในรายงานของ WMO ถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มการเปลี่ยนแปลงก่อนจะสายเกินไป

__

ข้อมูลอ้างอิง

https://storymaps.arcgis.com/stories/bbe6a05f6dae42f2a420cfdd7698e4b1


https://www.theguardian.com/environment/2022/may/18/critical-climate-indicators-broke-records-in-2021-says-un?fbclid=IwAR0Q3WG18mMy_XTuhyPxzQb_O_kgP-6oImreGH1b1PPrm9zwWIQC8nasb-M


https://www.un.org/sg/en/content/sg/statement/2022-05-18/secretary-generals-video-message-the-launch-of-the-world-meteorological-organization%E2%80%99s-state-of-the-global-climate-2021-report-scroll-down-for-languages

ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้