ทุกวันนี้ ทั่วโลกให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ ด้วยกระแสหลักใหม่ที่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจ และหัวใจของการขับเคลื่อนนี้ก็คือ Sustainable Finance หรือการเงินเพื่อความยั่งยืน
การเงินเพื่อความยั่งยืนคือการลงทุนที่มอบคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล และมูลค่าทางเม็ดเงินจากการประกอบธุรกิจ สร้างผลตอบแทนในระยะยาวและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกใบนี้ เนื่องจากภาคการเงินคือตัวกลางในการจัดสรรเงินทุนในระบบ ดังนั้นการเงินเพื่อความยั่งยืนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจยั่งยืนเกิดขึ้นได้จริงในระยะยาว
ทุกวันนี้คงเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพนั้น ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทั้งภาคธุรกิจและการเงิน อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันภาคธุรกิจและการเงินก็เป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดการลงมือทำในเรื่องนี้
นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการเปลี่ยนผ่านด้านการเงินและการลงทุนที่ทุกธุรกิจหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการเงินต้องให้คุณค่าและปรับตัว ก่อนเสียโอกาสในโลกอนาคต
01 ระเบียบการเงินโลก และแนวการลงทุนที่เปลี่ยนไป
ในระดับโลก สหภาพยุโรปมีการกำหนดนโยบายและเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน ซึ่งเป็นต้นแบบให้ประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ปรับตัวตาม โดยปี 2023 เป็นวาระครบรอบ 5 ปี ของ Sustainable Finance Action Plan (SFAP) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อปรับกระแสเงินทุนไปสู่การลงทุนที่ยั่งยืน จัดการความเสี่ยงทางการเงินที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การร่อยหรอของทรัพยากร ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และปัญหาสังคม รวมถึงส่งเสริมความโปร่งใสในกิจกรรมทางการเงินและเศรษฐกิจ
และนี่คือตัวอย่างกฎระเบียบทางการเงินใหม่ๆ ที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรปนำมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย SFAP ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
Sustainable Finance Disclosure Regulation (SFDR) เกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลการลงทุนอย่างยั่งยืนที่นำเสนอกรอบการทำงานที่มุ่งเน้นที่สาระสำคัญมากกว่าทางการเงินเท่านั้น เช่น ผลกระทบของความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่มีต่อองค์กร
นอกจากการทำงานของหน่วยงานกำกับดูแล ปัจจุบันนักลงทุนในสหภาพยุโรปมีความตื่นตัวและใส่ใจเรื่องการเงินเพื่อความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพวกเขาลูกค้าต้องการผลิตภัณฑ์และโซลูชันการลงทุนที่ยั่งยืนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุน พอร์ตการลงทุน ตลอดจนกลยุทธ์การลงทุนที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาที่ยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
เช่นเดียวกับกลุ่มคนทั่วไป พวกเขามีส่วนร่วมในการผลักดันให้บริษัทและอุตสาหกรรมต่างๆ ทำธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น ผ่านการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เลิกสนับสนุนผลิตภัณฑ์หรือบริษัทที่ไม่ยั่งยืน และสนับสนุนองค์กรที่นำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้อย่างจริงจัง
02 Thailand Taxonomy ธุรกิจไทยต้องจับตาและตามให้ทัน
นโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศมุ่งเป้าไปที่การดูแลสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน สำหรับประเทศไทย แม้ความตระหนักยังไม่แพร่หลายเท่าประเทศพัฒนา และโครงสร้างพื้นฐานก็มีความพร้อมน้อยกว่า แต่การขับเคลื่อนการเงินเพื่อความยั่งยืนก็นับว่ามีความก้าวหน้า
เมื่อปี 2021 ได้มีการเผยแพร่แนวทางการพัฒนาภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance Initiatives for Thailand) เพื่อกำหนดกรอบและทิศทางในการขับเคลื่อนที่สอดคล้องกัน โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจและสังคมในระยะยาว รวมถึงสนับสนุนการดําเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี (ESG)
ที่ผ่านมาก็มีแผนส่งเสริมกิจกรรม ESG ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เช่น การออกหลักเกณฑ์สำหรับการออกและเสนอขายตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) แม้จะมีการตื่นตัวในเรื่องนี้ แต่ความท้าทายคือปัจจุบันแต่ละภาคส่วนมีความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน ทําให้การขับเคลื่อนการดําเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดสรรเงินทุนยังไม่ตรงจุด และอาจนําไปสู่การกล่าวอ้างเกินจริงว่ามีการดําเนินการด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว (Greenwashing)
ล่าสุดเมื่อปี 2022 จึงมีการออกร่างมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (Thailand Taxonomy) ฉบับแรกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจตรงกันและมีจุดอ้างอิงในการกําหนดนโยบาย วางแผนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการอย่างมีมาตรฐาน ช่วยกําหนดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสอดคล้องกับบริบทของไทย รวมถึงช่วยจัดสรรเงินทุนให้ภาคธุรกิจที่ต้องการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่าน
สถาบันการเงิน สามารถนํา Taxonomy ไปใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ กระบวนการประเมินความเสี่ยง และการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
ภาครัฐและผู้กํากับดูแล สามารถใช้ Taxonomy ออกแบบมาตรการจูงใจด้านสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มประเภทธุรกิจ
ภาคเอกชน สามารถใช้ Taxonomy ประเมินสถานะความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและหาทางเลือก รวมถึงวางแผนในการปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
แม้หลายประเทศจะกำหนด Taxonomy ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ด้วยบริบทที่แตกต่างกัน ไทยจึงไม่สามารถนำเกณฑ์เหล่านั้นมาใช้ได้ทั้งหมด ร่าง Taxonomy ของไทยเป็นแบบจัดหมวดหมู่ตามเกณฑ์การคัดกรองทางเทคนิค (Technical Screening Critiria-Based Taxonomies) ใกล้เคียงกับของสหภาพยุโรป
โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่การลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Mitigation) ครอบคลุมทั้งหมด 22 กิจกรรมจาก 2 ภาคเศรษฐกิจ ซึ่งมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 68 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งประเทศ นั่นคือ ภาคการขนส่งและภาคพลังงาน เช่น การขนส่งทางรถไฟฟ้า การขนส่งทางบกและการขนส่งทางทะเล การผลิต การส่ง และการจ่ายไฟฟ้า
ร่าง Taxonomy จะแบ่งการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของกิจกรรมต่างๆ ออกเป็น 3 ระดับ คือ สีเขียว กิจกรรมที่ทำให้ก๊าซเรือนกระจกลดลง เช่น ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ไฟฟ้าพลังงานลม และรถไฟฟ้า EV สีเหลือง กิจกรรมที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การลดก๊าซเรือนกระจก เช่น การบินระยะไกล และการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ สีแดง กิจกรรมที่ไม่ส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก เช่น ถ่านหิน และน้ำมัน โดยหลังจากดำเนินงานในระยะแรกที่มุ่งเน้น ภาคการขนส่งและภาคพลังงาน คณะทำงานจะเริ่มพิจารณาถึงระยะที่ 2 ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะขยายไปสู่ภาคการผลิตและภาคเกษตร
03 ลงทุน ESG สร้างตลาดและโอกาสใหม่ให้ธุรกิจ
ในระดับธุรกิจ ตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญต่อ Sustainable Finance คือตำแหน่ง CFO ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในการนำเงินบริษัทมาลงทุนให้เป็นรูปธรรม ปัจจุบัน CFO จากหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในบ้านเราได้เปลี่ยนบทบาทการทำงานมาจาก Chief Finance Officer มาเป็น Chief of Sustainability เพื่อนำปัจจัยด้าน ESG มาบริหารการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ
ลองตอบคำถามเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อเน้นย้ำความแน่วแน่ในการนำปัจจัยด้าน ESG มาบริหารการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ
ในระยะอันใกล้ เราจะได้เห็นการเงินเพื่อความยั่งยืนเกิดขึ้นในธุรกิจทุกขนาดทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแน่นอนในอีกไม่ช้า ดังนั้นการปรับตัว เปลี่ยนแปลง ตั้งรับ เตรียมพร้อม เพื่อดำเนินธุรกิจอย่างสอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนยิ่งขึ้น จะทำให้สามารถเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจได้อีกมากมาย
ข้อมูลอ้างอิง