ปัจจุบันผู้บริหารธุรกิจหรือ “ซีอีโอ” ทั่วโลกกำลังเผชิญกับบริบทที่ท้าทายอย่างมาก ภายใต้ความผันผวนทางเศรษฐกิจ สังคมและปัญหาสิ่งแวดล้อม พวกเขาถูกคาดหวังว่าจะต้องประคับประคององค์กรให้รอดพ้นวิกฤติ ไปสู่ความสามารถในการฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้
ยิ่งเวลาผ่านไปเรายิ่งได้เห็นความท้าทายเพิ่มขึ้นมาก จนเกินขอบเขตที่ธุรกิจทั่วไปจะสามารถควบคุมได้ และซีอีโอทั่วโลกต่างถูกบังคับให้ต้องเลือกว่าจะเดินหน้าประยุกต์กลยุทธ์ความยั่งยืนเพื่ออนาคตที่มั่นคงของบริษัท หรือไม่ลงมือทำอะไรและยอมรับผลกระทบที่จะตามมา
CEO Study คือการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำธุรกิจทั่วโลกเกี่ยวกับความยั่งยืนที่ใหญ่และต่อเนื่องที่สุดครั้งหนึ่งของโลก จากความร่วมมือของ UN Global Compact และที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี Accenture โดยรายงานฉบับที่ 12 ประจำปี 2023 พาไปสำรวจวิสัยทัศน์ มุมมอง และความคิดเห็นของซีอีโอทั่วโลกถึงกุญแจสำคัญของธุรกิจ เพื่อปลดล็อคสู่การฟื้นตัวและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
เราชวนคุณเข้าใจเทรนด์และทิศทางของธุรกิจในอนาคต ผ่านผลสำรวจปีล่าสุดของซีอีโอและเจ้าของบริษัทกว่า 2,600 คน จาก 18 อุตสาหกรรมใน 128 ประเทศ ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจครั้งนี้ตอกย้ำว่า “ความยั่งยืน” ยังคงเป็นกุญแจดอกสำคัญของภาคธุรกิจ ที่จะใช้ปลดล็อคสู่การฟื้นตัว และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
01 ความท้าทายที่เกินขอบเขตทางธุรกิจแบบดั้งเดิม
Rob Fauber ประธานและซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงิน Moody’s กล่าวว่า “ผู้นำในปัจจุบันต้องเผชิญกับโลกแห่งความเสี่ยงที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ไปจนถึงการเกิดขึ้นของโรคระบาด วิกฤตสภาพภูมิอากาศ และการโจมตีทางไซเบอร์ ซีอีโอจึงต้องมองหาโซลูชั่นเพื่อสร้างความยืดหยุ่นในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้”
ผลสำรวจ CEO Study ระบุว่า 93% ของซีอีโอกล่าวว่าพวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายมากกว่า 10 อย่างพร้อมๆ กัน ซึ่งปกติแล้วความท้าทายเหล่านั้นอยู่นอกขอบเขตขององค์กร เช่น
02 การเพิ่มขึ้นของ "S" ใน ESG กำหนดบทบาทใหม่ให้ธุรกิจ
จากความท้าทายที่กล่าวไปเบื้องต้น การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุดคือความคาดหวังของสังคมต่อการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของซีอีโอและธุรกิจต่างๆ
Christophe Beck ประธานและซีอีโอของ Ecolab บริษัทพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีบำบัดน้ำ กล่าวว่า “บทบาททางสังคมของบริษัทเราเติบโตขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ คำถามระดับโลกเกี่ยวกับการเข้าถึงน้ำ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือการไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งผมเคยคิดว่าเป็นบทบาทของภาครัฐ - มันไม่จริงอีกต่อไป”
91% ของซีอีโอเชื่อว่าบทบาทของพวกเขาคือการปกป้องชุมชนท้องถิ่น ในภูมิภาคที่บริษัทของพวกเขากำลังดำเนินงานอยู่ ซึ่งอาจคร่อมเส้นแบ่งระหว่างความรับผิดชอบของภาครัฐและเอกชน
Lara Olsen กรรมการผู้จัดการของจัดหาน้ำดื่ม South East Water กล่าวว่า "บทบาทของซีอีโอไม่ใช่เพียงการบรรลุเป้าหมายและกิจกรรมของบริษัทอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมเชิงบวกของบริษัทกับชุมชนที่กว้างขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับโลก”
03 ซีอีโอกับบทบาทหลักในการสนับสนุนความยั่งยืน
ท่ามกลางความผันผวนของโลก ความยั่งยืนกลายเป็นวาระที่ซีอีโอให้ความสำคัญสูงสุด ผลสำรวจ CEO Study ปีล่าสุด 98% ของซีอีโอ ตระหนักอย่างชัดเจนว่าบทบาทของพวกเขาคือการทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนมากขึ้น เพราะเป็นหนทางในการปกป้องบริษัทจากกระแสความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น และปลดล็อกโอกาสสำหรับความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น
Luis Maroto ประธานและซีอีโอของ Amadeus IT Group S.A. บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการท่องเที่ยว กล่าวว่า "ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของวาระการประชุมของเราในช่วงที่เกิดโรคระบาด และจากนี้มันจะเป็นแกนหลักในการทำธุรกิจของเรา เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนแม้อะไรๆ จะยังไม่แน่นอน เพราะมันสร้างความยืดหยุ่นและทำให้โลกมีเสถียรภาพมากขึ้น”
เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้น ซีอีโอจำนวนมากพยายามพลิกโฉมธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับความคิดริเริ่มที่ยั่งยืน เพื่อสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จักและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความปลอดภัย การเติบโต และความยืดหยุ่น เช่น
04 การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ซีอีโอหลายคนยังมองข้าม
ในการศึกษา Climate Leadership in the Eleventh Hour เมื่อปี 2021 ซีอีโอเพียง 21% เห็นว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจ และในการศึกษาอีกหนึ่งปีต่อมา ก็แสดงให้เห็นว่ามีซีอีโอเพียง 18% เห็นความสำคัญของการปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ โดยถูกจัดอยู่ในอันดับต่ำที่สุดของบรรดาโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนทั้งหมด
การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไม่เพียงทำให้ผลกระทบด้านสภาพอากาศรุนแรงขึ้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อประเด็นอื่นๆ เช่น สุขภาพของมนุษย์หรือผลผลิตทางการเกษตร ผลกระทบของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพมีนัยสำคัญและส่งผลในวงกว้าง หากไม่รีบลงมือทำ ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะยิ่งกว่านี้
Haruo Naito ซีอีโอของบริษัทเวชภัณฑ์ Eisai Co., Ltd กล่าวว่า "ความเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับสุขภาพนั้นชัดเจน อย่างเช่นโรคเขตร้อนที่มียุงเป็นพาหะ ซึ่งโรคเหล่านี้ถูกกำจัดไปจากประเทศของเราแล้ว อย่างไรก็ตามอุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจทำให้โรคดังกล่าวกลับมาระบาดซ้ำในหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมาก”
ผลสำรวจ CEO Study ระบุว่า 35% ของซีอีโอกำลังริเริ่มโครงการปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม แม้ความหลากหลายทางชีวภาพจะถูกนำเข้าสู่วาระการประชุม แต่ซีอีโอก็มักจะไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหน รวมถึงยังขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านนี้
05 ลงทุนในความยั่งยืน ส่วนผสมสำหรับการฟื้นตัว
ความท้าทายระดับโลกจะดำเนินต่อไปและมีแนวโน้มจะเพิ่มความซับซ้อนขึ้นอีกในอนาคต บริษัทต่างๆ จึงต้องการรากฐานที่แข็งแรงเพื่อความอยู่รอดและเติบโตในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน การเลือกลงทุนในความยั่งยืนจะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวต่อความท้าทาย รวมถึงต่อเติมความสามารถในการเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมของการแข่งขันเพื่อสร้างการฟื้นตัวอย่างแท้จริง
1. กลยุทธ์
ซีอีโอต้องบูรณาการความยั่งยืนไว้ในกลยุทธ์ธุรกิจ กำหนดเป้าหมายทางสภาพภูมิอากาศที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ ใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ รวมผลกระทบ ESG ในการตัดสินใจลงทุน
ปัจจุบันซีอีโอต่างเริ่มตระหนักถึงโอกาสทางธุรกิจที่มาพร้อมความยั่งยืน 63% ของซีอีโอในอุตสาหกรรมต่างๆ จึงกำลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยั่งยืนใหม่ๆ
Kailash Lalpuria ซีอีโอและผู้อำนวยการบริหารของ Indo Count Industries บริษัทเครื่องนอนครบวงจร กล่าวว่า "ความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจอีกต่อไป แต่มันเป็นตัวกระตุ้นสำหรับนวัตกรรม การเติบโต โอกาสทางการตลาดใหม่ๆ และการสร้างความมั่งคั่ง”
2. การจัดการองค์กรและแรงงาน
ซีอีโอต้องลงทุนในสุขภาพจิตใจและสุขภาพกายของบุคลากร สร้างและมีส่วนร่วมกับตัวแทนพนักงาน พัฒนาทักษะเดิมหรือเพิ่มเติมทักษะใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดหาสิ่งจูงใจในการเป็นผู้นำให้สอดคล้องกับค่านิยมและผลลัพธ์ที่จะทำให้ยั่งยืน
โดยการยกระดับทักษะเป็นการดำเนินการอันดับหนึ่งที่ซีอีโอ 75% ทั่วโลกและซีอีโอ 81% ในเอเชีย กำลังดำเนินการเพื่อสร้างความยืดหยุ่น
3. การบริหารห่วงโซ่อุปทาน
ซีอีโอต้องยกระดับการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เพิ่มความสำคัญในการมีส่วนร่วมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ขับเคลื่อนกระบวนการทางธุรกิจด้วยการวางแผนและวิเคราะห์ข้อมูล บูรณาการเกณฑ์ความยั่งยืนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เร่งการใช้พลังงานหมุนเวียน
การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานจะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของซัพพลายเออร์ โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) อย่างไรก็ตามแม้ซีอีโอของ SME 99% จะยืนยันความมุ่งมั่น และรู้สึกว่าเป็นบทบาทของตนในการทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนมากขึ้น แต่พวกเขามักไม่มีทรัพยากรหรือการสนับสนุนเพียงพอ
Ramkrishna Mukkavilli ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Maithri Aquatech Pvt Ltd. บริษัทเทคโนโลยีด้านน้ำ กล่าวว่า “บริษัทขนาดใหญ่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นผู้ริเริ่มรายแรกที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับใช้ พวกเขาได้เปรียบด้านความรู้และศักยภาพขององค์กร ซึ่งจะทำให้เทคโนโลยีนั้นๆ ถูกปรับขยายการใช้งานให้บริษัทขนาดเล็กนำไปใช้หรือทำตามได้” บริษัทขนาดใหญ่มีบทบาทในการช่วยแนะนำกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนให้ SME เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันในห่วงโซ่อุปทาน
4. การจัดการระบบนิเวศ
ซีอีโอต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับพันธมิตร ให้เกิดความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ สนับสนุนนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนและการฟื้นตัวที่มั่นคง
Richard Wilson ซีอีโอของบริษัทที่ให้บริการด้านการป้องกันความปลอดภัยระหว่างประเทศ Physical Risk Solutions อธิบายว่า "ในฐานะ SME ความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นภายในเครือข่ายของเรา เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการอยู่รอดและความยืดหยุ่นของเรา"
ธุรกิจต้องเพิ่มความร่วมมือกับคู่แข่งและพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรมและการแบ่งปันความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องจัดการกับความยั่งยืนและการสร้างความยืดหยุ่นให้กับภาคเอกชน บริษัทต่างๆ ต่างตระหนักว่าการทำงานร่วมกันสามารถปลดล็อกมูลค่าที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ และสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากคุณทำงานอย่างโดดเดี่ยว
Mary Barra ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทผลิตยานยนต์ General Motors ขยายความว่า “เราไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ด้วยตัวเราเอง เราต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลและผู้กำหนดนโยบาย เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังหาโซลูชั่นที่ไม่เพียงแค่ดีสำหรับธุรกิจ แต่ดีกับผู้คน ประเทศ และสิ่งแวดล้อมด้วย
06 ใครมีอิทธิพลต่อซีอีโอ ในการตัดสินใจเรื่องความยั่งยืน
ในขณะเดียวกัน 52% ของซีอีโอมองว่ารัฐบาลมีอิทธิพลมากที่สุดต่อความยั่งยืน เห็นได้ชัดจากการที่รัฐบาลเริ่มนำนโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้มากขึ้น รวมไปถึงมีมาตรการจูงใจต่างๆ สำหรับธุรกิจที่ดำเนินโครงการด้านพลังงานทดแทน หรือการกำหนดให้มีการจัดทำรายงานความยั่งยืน ซีอีโอส่วนใหญ่ยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ
Tony Lombardo ซีอีโอของ Lendlease บริษัทด้านการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า “บทบาทของรัฐบาลคือการกำหนดวิสัยทัศน์และนโยบายที่ธุรกิจจำเป็นต้องดำเนินการตาม – เพื่อมอบเส้นทางการเปลี่ยนแปลงและวิธีการที่เหมาะสม”
อย่างไรก็ตาม 34% ของซีอีโอมองว่านักลงทุนมีอิทธิพลต่อการดำเนินการด้านความยั่งยืนมากกว่าเดิม โดยเพิ่มขึ้นจาก 31% ในปี 2021 และ 18% ในปี 2016 หรือเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในระยะเวลาเพียง 5 ปี จากการให้ความสำคัญกับการประเมินการเติบโตและความยั่งยืนในระยะยาวมากขึ้น เมื่อต้องตัดสินใจลงทุน
Ola Källenius ซีอีโอของบริษัทยานยนต์ Mercedes-Benz กล่าวเสริมว่า “ทุกวันนี้นักลงทุนคือหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักด้านความยั่งยืนของผม ถ้าผมไม่มีแผนการลดปริมาณคาร์บอนที่น่าเชื่อถือ หุ้นของบริษัทผลอาจได้รับผลกระทบ ผลกระทบทางการเงินโดยตรงเช่นนี้นับเป็นตัวขับเคลื่อนที่ทรงพลังของการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ”
Dr. Isao Teshirogi ซีอีโอของบริษัทเภสัชกรรม Shionogi & Co., Ltd. อธิบายว่า “แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับงบประมาณกำไร-ขาดทุนสำหรับปีเดียว ตอนนี้เราได้พูดคุยกับนักลงทุนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในสามปีหรือห้าปี และนักลงทุนก็เห็นพ้องกันถึงความจำเป็นในการวางแผนระยะยาว แทนที่จะเป็นแค่ปีนี้หรือปีหน้า”
และสุดท้าย 21% ของซีอีโอมองว่าธนาคารและบริษัทประกันเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมากที่สุด โดยจำนวนซีอีโอที่คิดเห็นเช่นนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2021 ถึง 3 เท่า
ความคิดเห็นของซีอีโอและเจ้าของบริษัทกว่า 2,600 คน จากผลสำรวจ CEO Study ทำให้เราเห็นแนวโน้มของทิศทางธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตว่ากำลังมุ่งหน้าสู่ความยั่งยืนอย่างก้าวกระโดด สำหรับผู้นำธุรกิจไทย นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ต้องเร่งตระหนักถึง “ความท้าทายที่เกินขอบเขตทางธุรกิจแบบดั้งเดิม” ซึ่งมาสู่ “บทบาทใหม่ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของธุรกิจ” ดังนั้นเพื่อการฟื้นตัวและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว นับจากนี้ซีอีโอต้อง “ลงทุนในความยั่งยืน” ในฐานะ “ผู้มีบทบาทหลักในการสนับสนุนความยั่งยืน”