โรงแรมยั่งยืนเท่านั้นที่อยู่รอด สรุปเทรนด์โลกที่คนทำธุรกิจภาคบริการต้องปรับตัวให้ทัน

Article

นับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลื่นลูกแรกที่สร้างผลกระทบให้ธุรกิจโรงแรมและภาคบริการทั่วโลก ปัจจุบันคลื่นลูกที่ 2 และ 3 ซึ่งใหญ่และหนักหนากว่ามากกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา มันคือวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ที่จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมบริการในทุกมิติ

UN Global Compact Network Thailand สรุปเครื่องมือและเนื้อหาจากงานสัมมนา “ปลดล็อกการลงทุนสำหรับโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยืดหยุ่น” มาให้ผู้ประกอบการโรงแรมเห็นทิศทางของเทรนด์โลกในภาคบริการ เพื่อให้ได้รับเครื่องมือและแนวคิดสำหรับนำไปใช้เริ่มต้นดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในธุรกิจตั้งแต่วันนี้ โดยสามารถฟังเสวนาเต็มได้ที่นี่

งานสัมมนาดังกล่าวเป็นความร่วมมือของ Sustainable Hospitality Alliance และ International Finance Corporation (IFC) เพื่อสนับสนุนให้โรงแรมทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ เยียวยาปัญหาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน 

Sustainable Hospitality Alliance คือเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งมีภารกิจหลักคือการสนับสนุนให้ธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมบริการดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบ ส่วน IFC คือสถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลก (World Bank Group) ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่เกื้อหนุนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนา


01 Tourism and Climate Change

การดำเนินธุรกิจโรงแรมแบบดั้งเดิม ตั้งแต่รูปแบบการนำทรัพยากรไปใช้ จนถึงขั้นตอนการกำจัดของเสีย ทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นหนึ่งในตัวการของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

  • 1 เปอร์เซ็นต์ ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก มาจากอุตสาหกรรมบริการ
  • ในบางพื้นที่ การใช้น้ำของนักท่องเที่ยวต่อคน เป็นปริมาณมากกว่าคนท้องถิ่นถึง 8 เท่า 
  • แนวปะการังจะถูกทำลายไปมากกว่าปกติ 3 เท่า ในพื้นที่ที่มีการท่องเที่ยวหนาแน่น 
  • แต่ละปี 18 เปอร์เซ็นต์ ของอาหารที่ถูกนำเข้าสู่อุตสาหกรรมบริการกลายเป็นขยะ



ในทางกลับกัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบมหาศาลต่อธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการ สภาพอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพเกี่ยวข้องโดยตรงกับความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่โรงแรมต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่วัสดุก่อสร้างไปจนถึงวัตถุดิบอาหาร ตลอดจนพลังงานและต้นทุน operation 

เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ การดำเนินกิจการ และการเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งหมด

เมือง 700 แห่ง ใน 70 ประเทศ ได้ตั้งเป้าหมาย Net Zero ของตัวเองแล้ว นับจากนี้เราจะได้เห็นนโยบายและกฏหมายที่เข้มงวด รัดกุม และชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อผลักดันให้ภาคเอกเชนขยับตัวเดินหน้าด้านความยั่งยืน และปัจจุบันธุรกิจที่มองการณ์ไกลก็เริ่มวางแผนปรับเปลี่ยน เพื่อรับมือกับข้อกฏหมายและกฏกติกาใหม่ๆ

ช่วงเวลานี้จึงเป็น turining point สำคัญที่คนทำธุรกิจต้องปรับตัวตามให้ทัน เพราะแม้แต่นักลงทุนรวมถึงผู้บริโภค ต่างก็หันมาให้ความสำคัญและสนับสนุนธุรกิจที่เอาจริงด้านสิ่งแวดล้อม และอย่างที่รู้กันว่าโลกธุรกิจ ใครเริ่มก่อน-ย่อมได้เปรียบ

02 The Climate Revolution

ในปี 2020 Sustainable Hospitality Alliance เครือข่ายพันธมิตรโรงแรมกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก ได้ร่วมมือกับ International Finance Corporation (IFC) สถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลก จัดทำ Business Case for Sustainable Hotels รวบรวมกรณีศึกษาโรงแรมที่ดำเนินการอย่างยั่งยืนซึ่งแสดงให้เห็นการลดใช้ทรัพยากร การประหยัดสาธารณูปโภค และผลตอบแทนจากการลงทุนที่จับต้องได้จริง และนี่คือตัวอย่างบางส่วน



1. ลงทุนในเทคโนโลยี-เพิ่มกำไรจากการประหยัดค่าสาธารณูปโภค 

โรงแรม Crowne Plaza กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ขนาด 366 ห้องได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืน โรงแรมแห่งนี้นับเป็นอาคารปลอดคาร์บอนแห่งแรกในเดนมาร์ก โดยใช้พลังงานน้อยกว่าอาคารเทียบเคียงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ 

หนึ่งในเทคโนโลยีล้ำสมัยของที่นี่ คือระบบทำความร้อนและความเย็นของน้ำใต้ดิน (Aquifer Thermal Energy Storage) ซึ่งจะสูบน้ำใต้ดินเพื่อทำให้โรงแรมเย็นลงในช่วงฤดูร้อนและกักเก็บความร้อนส่วนเกินไว้ใช้ในช่วงฤดูหนาว ระบบน้ำใต้ดินที่มีมูลค่าการลงทุน 1.6 ล้านยูโรนี้ ช่วยลดการใช้พลังงานความร้อนและความเย็นของโรงแรมได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ โดยมีระยะเวลาคืนทุน 6.7 ปี

2. ตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน-เพิ่มรายได้ให้ธุรกิจ

Hilton มีโรงแรมในเครือเกือบ 6,000 แห่งใน 113 ประเทศ บริษัทมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตพลังงานให้ได้ 40 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030 โดยที่ผ่านมาโรงแรมได้ลดพลังงาน คาร์บอน น้ำ และของเสียลงอย่างมาก ช่วยประหยัดค่าสาธารณูปโภคสะสมได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ 

การดำเนินการด้านความยั่งยืนไม่เพียงช่วยประหยัดต้นทุน แต่ยังสร้างชื่อเสียงทางบวกให้โรงแรมอีกด้วย โดยการสำรวจผู้เข้าพักในปี 2021 บริษัทพบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามคำนึงถึงความพยายามด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของโรงแรมในเครือก่อนจะตัดสินใจจองห้องพัก

3. อาคารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-กลยุทธ์การลงทุนที่รองรับอนาคต 

ปัจจุบันนักลงทุนและสถาบันการเงินทั่วโลกให้ความสำคัญกับโรงแรมที่มีมาตรวัดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่แข็งแกร่ง เช่น IFC ที่ให้เงินสนับสนุนเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่โรงแรมที่ใช้อาคารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เครือ Edwardian แห่งกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ได้รับสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Hire Purchase, Lease and Asset loan) จากธนาคาร HSBC UK มูลค่า 175 ล้านปอนด์ เพื่อสร้างโรงแรมในเครือแห่งใหม่อย่าง The Londoner ให้เป็นโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในสหราชอาณาจักร


4. มาตรการด้านความยั่งยืน-ธุรกิจได้ประโยชน์จากข้อกฏหมายที่เปลี่ยนไป 

รัฐบาลและเมืองต่างๆ ทั่วโลกกำลังพัฒนาข้อกำหนดและกฏหมายด้านความยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วยบทลงโทษ สิทธิประโยชน์ และสิ่งจูงใจต่างๆ เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน และการยกเว้นภาษีต่างๆ เพื่อส่งเสริมการออกแบบที่ยั่งยืน

โรงแรม Hampton Inn & Suites Roseburg รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐฯ ขนาด 84 ห้อง นำใช้มาตรการด้านความยั่งยืนที่หลากหลายมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ก่อสร้าง และเปิดให้บริการ อย่างไรก็ตามด้วยนโยบายสิ่งจูงใจด้านพลังงาน ค่าใช้จ่ายมากกว่าครึ่งหนึ่งของระบบโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์บนชั้นดาดฟ้า ราคา 275,000 เหรียญสหรัฐฯ ได้รับการชดเชยโดยรัฐบาลสหรัฐฯ


5. การตรวจสอบและรับรองความยั่งยืน-เพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ 

ระบบการให้คะแนนเพื่อประเมินระดับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอาคารและสิ่งก่อสร้าง เช่น LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) หรือ EDGE (Excellence in Design for Greater Efficiencies) จะเพิ่มมูลค่าและความสามารถในการแข่งขันทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้โรงแรม เพราะนับเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือแก่นักลงทุนตลอดจนลูกค้า

Hyatt Regency Maui Resort and Spa รีสอร์ทหรูขนาด 806 ห้อง ในหมู่เกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ ได้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์บนชั้นดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดระบบหนึ่งในฮาวาย โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยทีมผู้บริหาร ต่อมาในปี 2019 รีสอร์ทได้รับการรับรอง LEED-EBOM Gold นับเป็นที่พักแห่งแรกและแห่งเดียวในฮาวายที่ผ่านมาตรฐานนี้

6. ผลิตพลังงานหมุนเวียน-รับประกันการจัดหาพลังงานในระยะยาว 

เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีส โรงแรมทั่วโลกจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องลง 90 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2050 การลงทุนสร้างแหล่งผลิตพลังงานหมุนเวียนในสถานที่ไม่เพียงลดการปล่อยคาร์บอน แต่จะช่วยให้โรงแรมจัดหาและควบคุมต้นทุนด้านพลังงาน

Soneva Fushi คือรีสอร์ตในประเทศมัลดีฟส์ที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ต้องใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลในการผลิตไฟฟ้า กระทั่งปี 2016 โรงแรมร่วมมือกับผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ Yingli ติดตั้งระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ โดย Yingli เป็นผู้ลงทุนทั้งหมด แลกกับการซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้ในราคา 60 เปอร์เซ็นต์ของราคาไฟฟ้าที่รีสอร์ทผลิตด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลก่อนหน้านี้ เมื่อหักลบกันแล้ว ผลลัพธ์คือรีสอร์ทลดค่าน้ำมันดีเซลลง 4 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนใดๆ



03 Green Building and Net Zero Pathway 

IFC ได้ลงทุนในโครงการด้านโรงแรมในตลาดเกิดใหม่ของประเทศที่กำลังพัฒนา 95 ประเทศ มาตั้งแต่ปี 1967 โดยปัจจุบัน IFC กำลังขับเคลื่อนพาร์ทเนอร์การลงทุนให้สนับสนุนการสร้างอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (green building)

เมืองต่างๆ ในตลาดเกิดใหม่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันกับการเติบโตของประชากรและเศรษฐกิจ ในปี 2060 เมื่อมองไปยังเส้นขอบฟ้า เราจะเห็นอาคารเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่า อาคารสร้างใหม่แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงเป็นโอกาสในการลงทุน ที่กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ แต่ยังมีศักยภาพในการจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

อาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีความเสี่ยงต่ำกว่าโครงสร้างมาตรฐานเดิมๆ ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานและต้นทุนการดำเนินงาน ในอนาคตสินทรัพย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานบางส่วนจะไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป เพราะต้องเจอกับข้อกฏหมายและภาษีค่าปรับมากมาย 

ในส่วนของอาคารโรงแรมก็เช่นกัน เจ้าของและผู้บริหารธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงให้อาคารมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงสามารถรายงานผลกระทบด้านพลังงาน น้ำ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาคารตัวเองได้


เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุน สถาบันการเงินและผู้บริโภค รวมถึงแสดงถึงความเป็นเลิศขององค์กรในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โรงแรมควรได้รับการตรวจสอบและรับรองความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม IFC จึงสร้างระบบรับรองอาคารพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมขึ้นในชื่อ EDGE (Excellence in Design for Greater Efficiencies)

มาตรฐาน EDGE ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2015 และเริ่มนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเซีย รวมทั้งประเทศไทย โดยระบบการให้คะแนนของ EDGE นั้นเรียบง่ายด้วยซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายและสามารถทำการประเมินได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อส่งเสริมโครงการอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศที่กำลังพัฒนา 

ซอฟแวร์ของ EDGE ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประเมินกลยุทธ์ต่างๆ ในการประหยัดพลังงานได้อย่างคุ้มค้าและรวดเร็ว โดยเน้นไปที่การใช้พลังงาน (energy efficiency) การใช้น้ำ (water efficiency) และการใช้วัสดุก่อสร้างอาคาร ( material efficiency) ทำให้เห็นว่าการเลือกประหยัดพลังงานและน้ำเพียงไม่กี่วิธี สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้อาคารได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ

ลงทะเบียนประเมินมาตรฐาน EDGE ให้อาคาร เพื่อกำหนดเส้นทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ธุรกิจของคุณได้ที่นี่

รายละเอียดเพิ่มเติม

อุตสาหกรรมบริการเริ่มเดินหน้าและให้คำมั่นสัญญาจริงจังต่อการรับมือกับความท้าทายด้านสภาพอากาศ อย่างเช่นปฏิญญากลาสโกว์  (Glasgow Declaration Climate Action in Tourism) ที่สนับสนุนให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และบรรลุ Net Zero ให้เร็วที่สุดภายในปี 2050 

Sustainable Hospitality Alliance จึงได้สร้างกรอบการทำงานด้านสภาพอากาศแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการขึ้นในชื่อ Pathway to Net Positive Hospitality โดยกรอบดังกล่าวแบ่งการทำงานออกเป็น 4 ขั้นตอน และออกแบบมาให้สอดคล้องกับการนำ ESG มาปรับใช้ในธุรกิจ

ตั้งแต่ขั้นตอนการวัดระดับการปล่อยคาร์บอน การนำเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ลดการปล่อยคาร์บอนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรวมถึงซัพพลายเออร์ตลอดห่วงโซ่ และสุดท้ายคือการสร้างมุมมองที่กว้างขึ้นในการทำธุรกิจ โฟกัสภาคส่วนอื่นๆ ของอุตสาหกรรมด้วยนอกเหนือจากแค่ดำเนินกิจการโรงแรมของตนเอง เพื่อร่วมกันลดผลกระทบด้านลบ และสร้างผลกระทบด้านบวกแทน

เจ้าของและผู้บริหารธุรกิจโรงแรมที่ต้องการศึกษารายละเอียดของแต่ละขั้นตอน เพื่อเริ่ม Climate Action อย่างเป็นรูปธรรม สามารถศึกษา Pathway to Net Positive Hospitality ได้ที่นี่
ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้