ไทยยูเนี่ยน คืนความยั่งยืนให้ท้องทะเล เดินหน้าสู่ Net Zero

Environment


การดำเนินธุรกิจและดูแลทรัพยากรด้วยความรับผิดชอบ เพื่อเป็นแหล่งอาหารและอาชีพให้กับประชากรโลกรุ่นต่อไป ถือเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อพวกเราทุกคน
ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ รายงานว่า ประชากรโลกกว่า 600 ล้านคนพึ่งพามหาสมุทรเป็นแหล่งอาหารและใช้ในการประกอบอาชีพ* บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก ที่มุ่งเดินหน้าดูแลผู้คน ดูแลโลก และมหาสมุทร ด้วยกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ที่มีหนึ่งในพันธกิจสำคัญ คือ การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) สู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ในปี 2050 เพื่อคืนความยั่งยืนสู่ท้องทะเลให้ยังคงเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของโลกต่อไป The State of World Fisheries and Aquaculture 2022)
 
ความยั่งยืนกับธุรกิจเป็นเรื่องเดียวกัน
ไทยยูเนี่ยนประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® ครั้งแรกในปี 2016 จากนั้นต่อยอดการทำกลยุทธ์ความยั่งยืนไปถึงปี 2030 มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับห่วงโซ่มูลค่าธุรกิจอาหารทะเลตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบการผลิตและการกระจายสินค้ารวมไปถึงผู้บริโภคและชุมชน เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารทะเลไปสู่ความยั่งยืน เพราะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นนั้นอาจส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมประมง เมื่ออุณหภูมิน้ำทะเลสูง ปลาจะลงไปอาศัยในพื้นที่ลึก ส่งผลให้การทำประมงยากขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น พายุ น้ำท่วม คลื่นสึนามิ ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล ทำให้แหล่งอาหารของสัตว์ทะเลลดน้อยลง ไทยยูเนี่ยนจึงยกเรื่องความยั่งยืนขึ้นมาเป็นหัวใจของการทำธุรกิจ เพราะตระหนักดีว่า “ความยั่งยืนกับการทำธุรกิจเป็นเรื่องเดียวกัน”


พันธกิจดูแลผู้คนและโลกสู่ความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนประกาศพันธกิจเพื่อความยั่งยืนที่ครอบคลุมการดูแลทั้งผู้คนและโลกสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติโดยมีพันธกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange®2030 เช่น
  • เส้นทางสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050
  • การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างรับผิดชอบ: กุ้งเพาะเลี้ยงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ จะต้องผลิตขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านสวัสดิการและสภาพการทำงานของอุตสาหกรรมอาหาร
  • การฟื้นฟูระบบนิเวศ: สนับสนุนงบประมาณ 250 ล้านบาท เพื่อปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศสำคัญ
  • เกษตรกรรมที่มีความรับผิดชอบ: 100 เปอร์เซ็นต์ของวัตถุดิบถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจะได้รับการรับรองว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า ส่วนวัตถุดิบไก่จะได้รับการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ
  • กระบวนการผลิตที่เป็นเลิศ: ปรับปรุงระบบภายในโรงงานเพื่อลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ ในโรงงานหลักห้าแห่งทั้งในและต่างประเทศ
  • การลดขยะพลาสติกในทะเล: จัดการขยะพลาสติก 1,500 ตันไม่ให้ปนเปื้อนสู่แม่น้ำลำคลองและทะเล
  • บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน:  100 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท จะต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนภายในปี 2025 และจะสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ผลิตให้กับคู่ค้าอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเชื่อว่าการบรรลุเป้าหมายต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จำกัดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุด รวมถึงฟื้นฟูระบบนิเวศ และเพื่อให้มั่นใจว่าจะทำให้เกิดงานที่ปลอดภัย มีคุณค่าและเท่าเทียม ให้เกิดขึ้นจริงตลอดห่วงโซ่มูลค่า
(ref: https://www.thaiunion.com/th/newsroom/press-release/1629)

ลดการปล่อยก๊าซในโรงงาน จัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ
พันธกิจสำคัญที่นับเป็นความท้าทายของ SeaChange® 2030 คือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42% ภายในปี 2030 สู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 โดยไทยยูเนี่ยนเป็นบริษัทอาหารทะเลระดับโลกบริษัทแรกที่กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับแนวทางขององค์กร Science Based Targets initiative (SBTi) ซึ่งไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในโรงงานและในกระบวนการจัดหาวัตถุดิบทั้งหมด เช่น โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในฟาร์มกุ้ง โดยลดการใช้พลังงาน มุ่งสู่การใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น และเพิ่มการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นก้าวสำคัญเพื่อช่วยอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการสร้างความสมดุลต่อระบบนิเวศ

ยกระดับคู่ค้าสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ
ไทยยูเนี่ยนยังได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ CHOW Energy ในโครงการฟาร์มกุ้งคาร์บอนต่ำ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบยั่งยืน ด้วยการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) ให้กับคู่ค้าและเกษตรกรกุ้งในประเทศของไทยยูเนี่ยนที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ รวมกว่า 30 เมกะวัตต์ ภายในระยะเวลา 2 ปี (2024-2025) เพื่อช่วยเหลือให้คู่ค้าและเกษตกรกุ้งของบริษัทสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีจากพลังงานสะอาดและนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการยกระดับบริษัทคู่ค้าและภาคธุรกิจไทยไปสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ



ฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่ง เพิ่มแหล่งดูดซับคาร์บอน
ภายใต้กลยุทธ์ SeaChange® 2030 ไทยยูเนี่ยนได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับมูลนิธิ Earth Agenda ใน “โครงการรักษ์ทะเล” เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังและระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยสนับสนุนงบประมาณจำนวน 3 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานเป็นระยะเวลา 3 ปี (2023-2025) เพื่อผลิตปะการังเทียม 210 ชิ้น (ปีละ 70 ชิ้น) ครอบคลุมพื้นที่ 60 ตารางเมตรต่อปี หรือรวม 180 ตารางเมตร

“โครงการรักษ์ทะเล” ดำเนินการโดยมูลนิธิ Earth Agenda เป็นความร่วมมือระหว่าง ไทยยูเนี่ยน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเอสซีจี โดยการนำนวัตกรรม CPAC 3D Printing Solution ซึ่งผลิตจากปูนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล มาขึ้นรูปเป็นวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังที่มีรูปทรงสวยงาม มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ เพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์

ทั้งนี้ ข้อมูลในรายงานความยั่งยืนประจำปีล่าสุด ไทยยูเนี่ยนประกาศว่า สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ลง 7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2022 เมื่อเทียบกับปี 2021 (ref: https://www.thaiunion.com/th/newsroom/press-release

ไทยยูเนี่ยนยืนยันว่า ความยั่งยืนกับการทำธุรกิจเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งเป็นความเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และต้องลงมือทำทันทีตั้งแต่วันนี้ ถือเป็นพันธกิจท้าทายที่ต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กร รวมไปถึงภาคประชาชน ที่จะช่วยกันทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง



 

ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้