จากปี 2015 ถึง 2024 คะแนนเฉลี่ยทั่วโลกสำหรับ ETI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2024 ดัชนีการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (ETI) มีคะแนนเฉลี่ยทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประเทศที่ติด 10 อันดับสูงสุดส่วนใหญ่เป็นประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าจากทวีปยุโรปเหนือ โดยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันเพียง 1% ของทั้งโลก เป็นผู้จัดหาพลังงานเพียง 3% ของโลก และมีประชากรรวมกันคิดเป็น 2% ของประชากรโลก ประเทศแถบนอร์ดิกครองทั้ง 3 อันดับแรก ได้แก่ สวีเดน เดนมาร์ก และฟินแลนด์ แต่อันดับ ETI ของนอร์เวย์ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและการก่อสร้างพลังงานหมุนเวียนลดลง
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รายชื่อประเทศที่ทำผลงานได้ดีในดัชนี ETI มีอันดับค่อนข้างคงที่ แต่มีบางประเทศที่ขยับอันดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เช่น จีน บราซิล และชิลี ที่เข้ามาอยู่ในกลุ่ม 20 อันดับแรก จากความพยายามในการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ต่อเนื่องมาหลายปี ประเทศเหล่านี้มีลักษณะร่วมกัน ได้แก่ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 60 จาก 120 ประเทศ ด้วยคะแนนดัชนี 55.8 จุด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลกที่ 56.5 จุด
Top 10 Actions!
“การลงมือทำอย่างจริงจัง” จะนำไปสู่ภาคพลังงานที่มีความมั่นคง ความเท่าเทียม และความยั่งยืน เพื่อให้ประเทศที่มีคะแนนดัชนีการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (ETI) ในระดับต่ำเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น มาดู 10 ข้อแนะนำจากรายงาน Fostering Effective Energy Transition 2024 กันเลย
1. มีกฎระเบียบสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอน พันธสัญญาทางการเมืองที่แข็งแกร่งจะทำให้เกิดความต่อเนื่องในนโยบายลดคาร์บอน รวมถึงนโยบายสนับสนุนการขยายพลังงานหมุนเวียน กำหนดราคาคาร์บอน กระตุ้นเศรษฐกิจสีเขียว และลดเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล
2. สร้างความเท่าเทียมด้านพลังงานสำหรับกลุ่มเปราะบาง สวัสดิการหรือมาตรการชดเชย เช่น การให้เงินอุดหนุนครัวเรือนเพื่อลดต้นทุนพลังงาน เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงพลังงานที่เป็นธรรม ป้องกันความยากจนที่เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน (Energy Poverty)
3. เพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด เม็ดเงินการลงทุนในพลังงานสะอาดสูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 แต่ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายการลงทุน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2030 นอกจากนี้ การลงทุนยังคงกระจุกตัวอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนประเทศกำลังพัฒนากำลังขาดแคลนเงินทุนและขาดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน เช่น เชื้อเพลิงสะอาด ไฟฟ้า และเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน
4. ลงทุนในทางเลือกใหม่สำหรับการประหยัดพลังงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย COP28 ของการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานเป็นสองเท่าภายในปี 2030 บริษัทเอกชนจำเป็นต้องลงทุนอย่างเร่งด่วนในด้านพลังงาน โดยผู้บริหารระดับสูงต้องมีการตัดสินใจที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับเรื่องประหยัดพลังงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าผ่านการทำงานร่วมกัน ในขณะที่ภาครัฐต้องช่วยสร้างแรงจูงใจทางการเงินให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น
5. อัพเกรดความสามารถของโครงข่ายระบบสายส่งกำลังไฟฟ้า ด้วยการเพิ่มขึ้นของการใช้ไฟฟ้า บทบาทของสายส่งมีความสำคัญและต้องการเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น กริดไฟฟ้าต้องเสถียรในขณะที่เชื่อมต่อไฟทั้งจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนและแหล่งพลังงานดั้งเดิม
6. เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนและประเทศต่าง ๆ การจัดหาแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการพลังงานสะอาด ทำได้ตั้งแต่ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรการกุศล สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา และนักลงทุนเอกชนเพื่อกระตุ้นการเติบโตในภาคพลังงานสะอาด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นต้นทุนที่สูงในบางประเทศ ภาครัฐต้องช่วยหาจัดแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากทั้งในและนอกประเทศ
7. ลดความเข้มข้นของการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเปลี่ยนจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติจะช่วยลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในเบื้องต้น แต่ในระยะยาวควรพยายามลดการสกัดน้ำมันและก๊าซจากเชื้อเพลิงฟอสซิลให้มากที่สุดจนเหลือศูนย์
8. ส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ พลังงานลมนอกชายฝั่ง กรีนไฮโดรเจนสำหรับภาคขนส่งและการผลิตเหล็ก ล้วนเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีการใช้งานจริงแล้วแต่ยังขาดการเข้าถึงในวงกว้าง การลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งใช้ประโยชน์จาก AI และ GenAI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างฐานข้อมูล ซึ่งจำเป็นต่อการจัดทำรายงานการปล่อยมลพิษและสร้างมาตรฐานสีเขียว
9. เร่งจัดการคาร์บอนในอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ยาก (hard-to-abate sectors) ความพยายามลดคาร์บอนมักเกิดได้ช้ามากในอุตสาหกรรมหนักที่ปล่อยคาร์บอนสูง จำเป็นต้องมีการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยลดต้นทุนให้อุตสาหกรรมเหล่านี้เข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างตลาดที่เสริมสร้างกลไกกรีนพรีเมียม กำหนดกฎระเบียบและมาตรฐานที่ชัดเจน
10. พัฒนาทักษะแรงงานสำหรับภาคพลังงาน เนื่องจากตำแหน่งงานในภาคพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนสูงจะลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทและผู้กำหนดนโยบายจำเป็นต้องช่วยให้พนักงานได้รับทักษะใหม่เพื่อเปลี่ยนไปสู่งานพลังงานสะอาด
สาระสำคัญจาก ETI ในปีนี้ชัดเจนว่า เราไม่สามารถเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว ผู้มีอำนาจตัดสินใจทั่วโลกต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและร่วมมือกันเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตด้านพลังงานที่เท่าเทียม มั่นคง และยั่งยืน อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ Fostering Effective Energy Transition 2024