แม้โควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจโลกหยุดชะงัก แต่อีกหนึ่งความท้าทายที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นโจทย์ใหญ่ของภาคธุรกิจในการเร่งปรับตัวให้ทันกับผู้บริโภคที่หันมาให้ความสนใจกับบริการและสินค้าที่สามารถแสดงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG ในระดับสูง
ความเร่งด่วนของการลดปริมาณการปล่อย “คาร์บอน” ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สถาบันการเงินต่างเร่งเดินหน้าเข้าสู่โลกแห่งเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำโดยอาศัยเครื่องมือทางการเงินและการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติงานของบริษัทต่างๆ ความต้องการโซลูชั่นด้านการเงินที่เชื่อมโยงกับ ESG ของนักลงทุนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การออกพันธบัตรสีเขียวและพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อม เพิ่มขึ้นจากอัตราร้อยละ 5.2 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 12.1 พันล้านดอลลาร์ใน ปี 2020 ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
จากรายงานของ HSBC พบว่า ร้อยละ 82 ของนักลงทุนรายย่อยมองว่า ประเด็นด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม และจริยธรรม มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจด้านการลงทุน อีกร้อยละ 46 เชื่อว่าพอร์ตการลงทุนของตนจะประกอบด้วยการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
“HSBC” เป็นหนึ่งในธนาคารที่ระดมกำลังทรัพยากรจากทั่วโลก ปรับเปลี่ยนการปฏิบัติงานของธนาคารและห่วงโซ่อุปทาน เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่เศรษฐกิจที่มีสภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั่วโลก หรือ (Net Zero Economy) และตั้งเป้าหมายสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 หรือเร็วกว่า รวมถึงมุ่งมั่นจัดหาการเงินและการลงทุนที่ยั่งยืน มูลค่า 750 พันล้านเหรียญสหรัฐ - 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2030 ภายใต้แผนกลยุทธ์ความยั่งยืนของ HSBC ที่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ เป็นธนาคารที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สนับสนุนลูกค้าและปลดล็อคโซลูชั่นทางออกใหม่เพื่อสภาพภูมิอากาศ
ศรัณยา อรุณศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HSBC Global Private Banking ประเทศไทย
“ศรัณยา อรุณศิลป์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HSBC Global Private Banking ประเทศไทย เปิดเผยว่า HSBC เดินหน้าสร้างความเข้าใจเชิงลึกเรื่อง net zero ให้กับทั้งลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าองค์กร ซึ่งหลายรายสามารถช่วยผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก อีกทั้ง เชื่อมโยงลูกค้าที่กำลังมองหาผลตอบแทนจากการลงทุนด้าน ESG เข้ากับบุคคลที่มีความต้องการที่เหมือนกัน ด้วยประสบการณ์และความรู้จาก HSBC Global Private Banking ซึ่งได้รวมเอาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากทั่วโลกและทั่วภูมิภาคมาร่วมออกแบบสร้างผลิตภัณฑ์ด้าน ESG โดยแนวทางพอร์ตโฟลิโอหลักที่นำเสนอ มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและข้อตกลงปารีส
“เชื่อว่าการลงทุนที่ยั่งยืนมีผลโดยตรงต่อการเสริมประสิทธิภาพของการลงทุน เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอันดับแรกๆ สำหรับ HSBC ในการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อค้นหาโซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า" ศรัณยา กล่าว
ปัจจุบัน การลงทุนเพื่อความยั่งยืน ได้รับความสนใจมากขึ้นจาก Entrepreneur และบรรดานักลงทุนรุ่นใหม่ โดยจากการศึกษาพบว่า คนรุ่นใหม่ที่อายุระหว่าง 25 ถึง 40 ปี มีความต้องการด้านการลงทุนที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย HSBC ได้นำจุดแข็งของการมีเครือข่ายทั่วโลกมาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกับลูกค้าในเชิงรุก ตามกลยุทธ์ Net Zero ใน 2 ด้าน ได้แก่ 1. การส่งเสริมความยั่งยืนระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งจากภาครัฐและเอกชน สอดคล้องกับการทำงานร่วมกับนักลงทุน รัฐบาล เอ็นจีโอ สถาบันการเงินอื่นๆ และซัพพลายเออร์เพื่อสนับสนุนการลงทุนระยะยาวในโครงการที่เป็นไปเพื่อ ความยั่งยืน ของสิ่งแวดล้อม และ 2. ด้านความสัมพันธ์กับลูกค้าถือเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร
พร้อมเป็นหนึ่งในผู้นำร่วมในการออกพันธบัตรสีเขียวครั้งแรกในประเทศไทย โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่นำไปลงทุนในโครงการป่าไม้และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และให้คำแนะนำเงินฝากสีเขียวครั้งแรกสู่ตลาดการเงินไทยสำหรับลูกค้าองค์กรรายใหญ่ของไทย เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าบรรลุวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนในการลงทุนในโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม และ HSBC สนับสนุน WWF-Thailand ในการดำเนินโครงการ "การฟื้นฟูภูมิทัศน์ป่าผ่านการเกษตร" จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเกษตรกรรายย่อยจะได้รับการสนับสนุนในการปลูกป่า เพื่อฟื้นฟูผืนดิน น้ำสะอาด และอากาศ เพื่อสร้างระบบอาหารที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน ปี 2020 HSBC ได้เปิดตัวกองทุนไพรเวทอิควิตี้กองทุนแรกที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนที่จูงใจในระดับที่แข่งขันได้ และยังมีการร่วมทุนก่อตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ HSBC Pollination Climate Asset Management เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การทำฟาร์ม การประมง และป่าไม้ยั่งยืน ตลอดจนทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการเงินที่ยั่งยืนในประเทศไทยและระดับภูมิภาค ลงทุนในโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติ ปกป้องและพัฒนาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว รวมถึงการจัดการปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
#ThailandClimatesLeadership #GCNTFORUM2021
ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/social/977930