วิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ในขณะนี้ เป็นประเด็นเสี่ยงส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน อาทิ ระบบการผลิตอาหาร การเข้าถึงอาหาร ที่อาจจะนำไปสู่การขาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่
ด้วยความตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้จากวิกฤตดังกล่าว ซีพีเอฟ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตอาหารที่มีวิสัยทัศน์เป็น 'ครัวของโลก' และดำเนินธุรกิจบนรากฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชนทุกภาคส่วน มีความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการผลิตอาหารคุณภาพที่สะอาด ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค และส่งเสริมการเข้าถึงอาหารของกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย
ด้วยกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ดูแล ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทางของการสร้างระบบอาหาร ทั้งดิน น้ำ ป่าไม้ และอากาศ รวมถึงการดูแลสังคมรอบด้านให้มีคุณค่าร่วมไปด้วยกัน
ซีพีเอฟให้สำคัญกับการนำทรัพยากรมาใช้เกิดประสิทธิภาพสููงสุด คำนึงถึงการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างยั่งยืน ไม่ว่าเป็นการจัดการทรัพยากรในกระบวนการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อาทิ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำภายในองค์กรบริหารจัดการน้ำตามหลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle)
ทำให้ในปี 2565 บริษัทฯ สามารถลดการดึงน้ำจากธรรมชาติมาใช้ต่อหน่วยการผลิตได้ถึง 53 % เทียบกับปีฐานปี 2558 (กิจการประเทศไทย) รวมไปถึงการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งน้ำที่มีคุณภาพสำหรับประชาชนโดยรอบ การรักษาซึ่งสิทธิในการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดเพื่ออุปโภคและบริโภคสำหรับคนทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ ตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ให้ความสำคัญกับสิทธิในการเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่ดี บริษัทฯดำเนินโครงการที่หลากหลาย ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ตามเป้าหมาย Net Zero ภายใน 2050 และส่งเสริมชุมชนในพื้นที่มีส่วนร่วมดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แก่ การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้ในสถานประกอบการ การดูแลทรัพยากรทางทะเลและมหาสมุทร
โดยได้ริเริ่มโครงการ CPF Restore the Ocean สร้างความตระหนักสู่พนักงานของซีพีเอฟทั่วประเทศช่วยกันเก็บขยะที่จะไหลลงสู่ทะเล และนำมาบริหารจัดการอย่างถูกวิธีตามแนวเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มีการบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบตามหลักการของ Ocean Conservancy ซึ่งเป็นองค์กรประชาสังคมที่เน้นสร้างเครือข่ายจัดการขยะชายฝั่งในระดับสากล
ซีพีเอฟ ยังได้อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลน โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนิน โครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน นอกจากอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนให้กับประเทศแล้ว ยังได้ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน
และต่อยอดสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิถีชุมชน 3 แห่ง คือ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชนตำบลปากน้ำประแส ต.ปากน้ำประแส จ.ระยอง วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชน ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร และวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านธรรมชาติล่าง อ.แหลมงอบ จ.ตราด ทำให้ชุมชนมีรายได้จากการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ และผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นของชุมชน
อีกหนึ่งโครงการที่สะท้อนความตระหนักของซีพีเอฟต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล คือ ความร่วมมือในการขับเคลื่อนศูนย์สวัสดิภาพและธรรมาภิบาลแรงงานประมงสงขลา (Fishermen Life Enhancement Centre : FLEC) ซึ่งมีการจัดอบรมและกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานประมง
โดยซีพีเอฟและองค์กรจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 8 ในการร่วมดูแลสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมประมงของไทย พัฒนาคุณภาพชีวิตของแรงงานข้ามชาติภาคประมงและครอบครัวให้ได้รับการคุ้มครองและสามารถประกอบอาชีพได้ตามหลักมนุษยธรรม และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดี (Wellbeing) ทั้งด้านสุขภาพ คุ้มครองและเคารพสิทธิเยาวชน
ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารบนรากฐานแห่งการเคารพสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน การดูแลพนักงานและชุมชน ตลอดจนการมีส่วนร่วมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็น 'ครัวของโลกที่ยั่งยืน' สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ