DEESAWAT แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไม้ไทยที่โลดแล่นในตลาดโลกด้วย ‘ดีไซน์’ และ ‘ความยั่งยืน’

Article

วงการเฟอร์นิเจอร์รู้จัก ดีสวัสดิ์ (DEESAWAT) กันเป็นอย่างดี ทั้งในฐานะแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไม้สัญชาติไทยแท้ที่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบมามากมาย และเป็นหนึ่งในแบรนด์ต้นแบบด้านความยั่งยืน (Sustainable Design) ที่นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยความคิดสร้างสรรค์

การได้รับการยอมรับระดับนานาชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จากโรงงานที่เน้นผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักฝังมุก และทำธุรกิจแบบรับจ้างผลิต (OEM) มากว่า 30 ปี ปรับตัวสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มีคอลเลกชั่นเฟอร์นิเจอร์เป็นของตัวเอง โดยทำงานออกแบบร่วมกับดีไซเนอร์ชาวไทยและชาวต่างชาติ มีการผสมผสานวัสดุอื่นๆ อย่างอะลูมิเนียม สแตนเลส และเหล็กเข้าไปทำให้ชิ้นงาน จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์แบบดีสวัสดิ์

15 ปีที่ผ่านมา ดีสวัสดิ์ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปยังตลาดต่างประเทศมายาวนาน ทำให้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์และการตื่นตัวของผู้บริโภคในมิติต่างๆ โดยเฉพาะด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งประเทศทางฝั่งตะวันตกนั้นมีการจุดประกายกันมานานพอสมควรแล้ว ดีสวัสดิ์จึงปรับตัวอีกครั้ง โดยมุ่งสู่ความยั่งยืนบนฐานงานออกแบบที่ดีต่อโลก

พวกเขาสร้าง “โรงงานสีเขียว” ที่ตลอดทั้งกระบวนการผลิตมีการคิดถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งวัสดุ สี หรือแม้แต่กาวเชื่อมไม้ และที่สำคัญที่สุด หัวใจความยั่งยืนของเฟอร์นิเจอร์ “ไม้” ก็คือการปกป้องรักษา “ไม้” โดยใช้ทุกส่วนอย่างคุ้มค่า 

GCNT ชวนคุณสนทนากับ คุณจิรชัย ตั้งกิจงามวงศ์ กรรมการผู้จัดการด้านการตลาดวิจัยและพัฒนา บริษัทอุตสาหกรรมดีสวัสดิ์ ผู้จะมาบอกเล่าเส้นทางการโลดแล่นในตลาดโลกด้วย ‘ดีไซน์’ และ ‘ความยั่งยืน’ ของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไม้อายุ 40 กว่าปี ที่พร้อมปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันเทรนด์อยู่เสมอ


01 เฟอร์นิเจอร์ที่ตกทอดเหมือนสมบัติ

ดีสวัสดิ์ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2515 ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อการส่งออกครบวงจร โดยที่ผ่านมาเน้นรับจ้างผลิตเป็นหลัก จนเมื่อทายานรุ่นที่ 2 อย่างคุณจิรชัย เข้ารับช่วงต่อในการบริหารธุรกิจ ดีสวัสดิ์จึงตัดสินใจออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ DEESAWAT ของตัวเอง

“จุดแข็งของเราคือความประณีตบรรจงในการออกแบบ เราทำงานกับดีไซเนอร์หลายชาติเพื่อสร้างชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ และเพราะเป็นโรงงานไม้เก่าแก่ จึงวางใจได้ในแง่คุณภาพการผลิต โดยเฉพาะไม้สักที่เราเชี่ยวชาญ นั่นทำให้สินค้าที่ออกสู่ตลาดมีคุณภาพสูง 

“ทุกวันนี้เรามีทั้งโรงงานผลิต Inhouse Design และ Brand Positioning เราจึงมีคอลเลกชั่นงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรับงาน OEM ผลิตตามแบบของลูกค้าได้ด้วย โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องสั่งผลิตครั้งละมากๆ อาจจะสั่งเป็นโปรเจกต์ๆ ไป เน้นทำงานกับลูกค้าที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกัน สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย”

ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทิศทางงานออกแบบของดีสวัสดิ์นั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากที่เน้นความสวยงามในช่วงเริ่มต้น คุณจิรชัยพาแบรนด์มุ่งสู่ความลุ่มลึกทางสุนทรียภาพ และการตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม อย่างการเน้น Well Being ใส่ใจสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ใช้งาน ออกมาเป็นเก้าอี้สำหรับผู้สูงวัย

คุณจิรชัยอธิบายว่า “สมัยก่อนคนอาจจะมองงานไม้เป็นสินค้าราคาถูก เป้าหมายต่อไป เราจะพยายามทำให้คนมองเห็นว่าไม้มีคุณค่า สามารถใช้ได้คงทนถาวร เราอยากเป็น ROLEX ของเฟอร์นิเจอร์ ที่มีการส่งต่อรุ่นสู่รุ่น เฟอร์นิเจอร์จะกลายเป็นสมบัติชิ้นนึงมอบให้ลูกหลาน มีคุณค่าทางใจ คุณค่าทางสายใยครอบครัว”


02 โจทย์ความยั่งยืนที่ไร้จุดสิ้นสุด

การปรับเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน (Sustainable Design) ของดีสวัสดิ์นั้นมีหลายมิติ ทั้งการนำวัสดุอื่นๆ มาใช้ในงานออกแบบมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่นในด้านความสวยงามแปลกใหม่ แต่ยังลดปริมาณไม้สักที่ใช้ลง อย่างไรก็ตามดีสวัสดิ์เริ่มใช้ไม้สักอายุ 5-10 ปี ที่ปลูกขึ้นในสวนป่าของตัวเอง เพื่อลดการใช้ไม้จากแหล่งอื่นๆ

“เรานำเศษไม้ที่เหลือจากกระบวนการผลิตหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์นานแล้ว อย่างที่ผ่านมาเราออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ Mosaic Eco Flooring วัสดุปูพื้นที่มีลักษณะเป็นโมเสสสี่เหลี่ยมจัตุรัสชิ้นเล็กๆ มาต่อกัน มีทั้งโมเสสชิ้นที่ทำด้วยโพลีเอทิลีนและฟอยล์อลูมิเนียมจากกล่องเครื่องดื่มรีไซเคิล และโมเสสที่เป็นเศษไม้เนื้อแข็ง”



คุณจิรชัยเล่าว่า ความท้าทายในการทำงานแน่นอนว่าคำถามใหม่ๆ ที่ท้าทายยิ่งกว่าก็จะเกิดขึ้นเสมอ เช่น จะผลิตยังไงให้เหลือเศษไม้น้อยที่สุดหรือไม่เหลือเลย ไม้สักและไม้ประดู่ที่ดีสวัสดิ์ใช้เป็นหลักนั้นถือเป็นไม้มูลค่าสูง ดังนั้นจะทำอย่างให้วัตถุดิบทรงคุณค่านี้ถูกใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด ลูกค้าใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ 

ทุกวันนี้ดีสวัสดิ์ไม่ได้มุ่งเน้นแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในขอบเขตที่กว้างขึ้นด้วยกลยุทธ์ BCG ซึ่งประกอบไปด้วยแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) 

“เรามองว่าโจทย์ที่กว้างขึ้น ทำให้แบรนด์และสินค้าของเรามีทิศทางใหม่ๆ ในการเล่าเรื่องมากขึ้น”


03 หลักฐานความยั่งยืนที่จริงจังและจริงใจ



ล่าสุดสินค้าของดีสวัสดิ์ Fancy Eco Flooring ได้รับการรับรองฉลากผลิตภัณฑ์หมุนเวียน หรือ Circular Mark ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำในระบบเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ลดปริมาณขยะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“หลายคนมองว่าการได้เครื่องหมายรับรองด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ เป็นจุดเด่นทางการตลาดหรือการประชาสัมพันธ์ในการขาย แต่ตัวผมไม่ได้มองว่าส่วนนั้นเป็นจุดเด่น แต่ผมมองว่ามันคือมาตรฐานใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น และเราในฐานะผู้ผลิตก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว เพื่อไปสู่ตลาดและเทรนด์การบริโภคในอนาคต”

กลุ่มลูกค้าหลักของดีสวัสด์ คือตลาดต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ รองลงมาคือญี่ปุ่น และทวีปยุโรป ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภคเคลื่อนไหวและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนกันมาสักพักใหญ่แล้ว ดังนั้นการตีตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ แน่นอนว่าการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังและจริงใจของแบรนด์ คือหัวใจในการทำธุรกิจ

“เพื่อให้ได้มาซึ่งการรับรอง แต่ละหน่วยงานล้วนมีมาตรฐานที่เคร่งครัด อย่าง Circular Mark ก็มีระบุไว้อย่างชัดเจนว่าโรงงานของคุณต้องผ่านเกณฑ์อะไรบ้าง ผู้ผลิตอย่างเราก็ได้พัฒนาตัวเอง ปรับปรุงระบบการทำงานให้ดีขึ้นและสอดคล้องกับทิศทางโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้พลังงาน แหล่งที่มาที่ไปของวัสดุ”

Circular Mark ถูกพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกโดยประเทศไทย และเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในฐานะแบรนด์ที่สินค้าได้รับการรับรอง ดีสวัสดิ์มีส่วนช่วยในการสื่อสารถึงการยกระดับมาตรฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย ซึ่งต่อไปอาจกลายเป็นมาตรฐานระดับเอเชีย และระดับโลก “ที่งาน Apac Symposium งาน Index Dubai รวมถึงงาน Slone Del Milano ที่อิตาลี และงาน Milan Design Week เราพยายามอธิบายให้ชาวต่างชาติรู้จักฉลากผลิตภัณฑ์หมุนเวียนมากขึ้น” 

คุณจิรชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมมองว่าการเรียนรู้มาตรฐานใหม่ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับผู้ประกอบการ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถปรับตัวไปในทิศทางที่ตลาดต้องการได้ โดยเฉพาะถ้าจะไปสู่ตลาดโลก เรายิ่งต้องมีตัวหลักฐานยืนยันให้ผู้บริโภคหรือคู่ค้ามั่นใจว่าเราลงมือทำจริง อธิบายความยั่งยืนของตัวเองได้อย่างชัดเจน”


ร่วมเปลี่ยนแปลงโลกกับเรา
UN Global Compact
Network Thailand
APPLY FOR MEMBERSHIP
เกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์นี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง ปรับแต่งเนื้อหา และโฆษณาตามความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
Subscribe
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุกกี้ในแต่ละประเภทได้ดังต่อไปนี้
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่จำเป็นต่อการให้บริการ
(Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอดเวลา
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการบนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้เพื่อการวัดผลการทำงานและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
(Performance and Functionality Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้เพื่อจดจำท่านเมื่อท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง ช่วยให้เราปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับท่านและจดจำการตั้งค่าของท่าน (เช่น ภาษาหรือภูมิภาคที่ท่านเลือก) แต่ไม่จำเป็นต่อการวัดผลการทำงานของเว็บไซต์
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือเพื่อการปรับแต่ง
(Analytical or Customization Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ เราใช้ข้อมูลนี้ในลักษณะของข้อมูลโดยรวมเพื่อช่วยให้เราปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์ หรือเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราตามความสนใจของท่านได้