สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact) เครือข่ายความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดรายงาน “SDGs Mega Trends 2023” เผย 5 แนวโน้มสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี ค.ศ. 2023” เพื่อปลดล็อคจากความท้าทาย สู่การฟื้นตัวหลัง COVID-19 เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และตอบโจทย์ SDGs ในหลากหลายมิติ
นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย หรือ UNGCNT ในฐานะเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network) ของ UN Global Compact ได้จัดทำข้อมูล “SDGs Mega Trends 2023” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ด้วยความมุ่งหวังจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมความรู้และแนวปฎิบัติด้านความยั่งยืนสำหรับภาคธุรกิจ โดยปีนี้ได้คัดเลือก 5 แนวโน้มสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อเป็นแนวทางให้ภาคธุรกิจนำไปพิจารณาและประยุกต์ใช้ ท่ามกลางความท้าทายมากมายที่โลกกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากภัยคุกคาม อย่างไรก็ตาม ยังชี้ว่าการขับเคลื่อนความยั่งยืนในช่วงปีที่ผ่านมา มีความร่วมมือที่เด่นชัดและความก้าวหน้าเป็นลำดับจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่ได้เร่งระดมสรรพกำลัง อาทิ สมาชิก (UNGCNT) ได้ร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างน้อย 8 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และในเวที GCNT Forum 2022 สมาชิกสมาคมฯ ยังได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะร่วมอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางบกและทางทะเล ร้อยละ 30 ของพื้นที่
“แม้ประเทศไทยจะมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่สหประชาชาติยังชี้ว่าประเทศของเรา
ยังจำเป็นต้องเร่งการดำเนินงาน เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและคาร์บอนต่ำ รวมทั้งขับเคลื่อนเป้าหมาย
การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ร่วมกับประชาคมโลก ภาคธุรกิจจึงต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลดล็อคทุกความท้าทายและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน” นายศุภชัย กล่าว
สำหรับ “5 แนวโน้มสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2566” หรือ “SDGs Mega Trend 2023” ปีนี้ มุ่งเน้นไปที่แนวโน้มสำคัญด้านความยั่งยืนที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก บนความท้าทายและการปรับตัวขององค์กรธุรกิจในช่วงเวลาของการฟื้นตัวจาก COVID-19 เพื่อสร้างการเติบโต ซึ่งธุรกิจสามารถนำแนวทางเหล่านี้ไปพิจารณาและปรับการดำเนินงาน เพื่อเดินหน้าสู่องค์กรยั่งยืน รวมทั้งตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในมิติต่างๆ ดังนี้
SDGs Mega Trends 2023 ยังเปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำธุรกิจทั่วโลก ที่จัดทำโดย UN Global Compact ร่วมกับ Accenture ซึ่งนับเป็นการสำรวจมุมมองด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดและต่อเนื่องที่สุดครั้งหนึ่งของโลก จากซีอีโอ มากกว่า 2,600 คน จาก 18 อุตสาหกรรม ใน 128 ประเทศ เกี่ยวกับความท้าทายที่กำลังเผชิญ และการปลดล็อคธุรกิจ สู่เส้นทางของการฟื้นตัวและเติบโต พร้อมตัวอย่างการดำเนินงานของ 5 องค์กรธุรกิจชั้นนำ ซึ่งเป็นสมาชิกของ UNGCNT ในการขับเคลื่อนความยั่งยืน ประกอบด้วย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กับการปกป้องฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ในฐานะที่เป็นต้นทุนสำคัญของธุรกิจท่องเที่ยว การเงินที่ยั่งยืนที่ต้องจับมือและเดินไปด้วยกัน โดยธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานเพื่อสร้างระบบอาหารที่มั่นคงและยั่งยืน ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ วิสัยทัศน์ผู้นำกำหนดทิศทางงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และการใช้นวัตกรรมนำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
สามารถดูรายละเอียดข้อมูล “SDGs Mega Trends 2023” ได้ที่ http://ebook.globalcompact-th.com/books/vsbf