วันนี้โลกเรานำทรัพยากรมาหมุนเวียนเพียง 7.2% เท่านั้น โมเดลเศรษฐกิจแบบเส้นตรง Take – Make – Waste ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ภายในปี 2030 เราจะผลาญทรัพยากรธรรมชาติที่เทียบเท่ากับโลกสองใบ ธุรกิจต้องเลือกก้าวขึ้นมาแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง หรือยอมทำตามกิจกรรมภาคบังคับ เช่น ชุดมาตรฐาน ISO 59000 ที่เพิ่งออกมาในปี 2024 ซึ่งนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ดำเนินการและวัดผล ช่วยให้บริษัทต่างๆ มีส่วนร่วมมากขึ้นในการทำตามเป้า SDGs 2030 ขององค์การสหประชาชาติ
UN Global Compact จึงได้คัดเลือกเครื่องมือที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านองค์กรสมาชิกให้เข้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างเป็นระบบ กรอบการทำงาน Circular Transition Indicators (CTI) พัฒนาโดย World Business Council for Sustainable Development (WBCSD) เป็นแนวทางให้ธุรกิจวัดประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนภายใน โดยเจาะลึกไปถึงการไหลของวัสดุ (Material Flow) ทำให้บริษัทระบุความสามารถในการลดใช้ทรัพยากรและวัสดุเหลือทิ้งได้ การประเมินนี้ครอบคลุมสามจุดสำคัญ ได้แก่
INFLOW
การไหลเข้าของวัสดุ: บริษัทหมุนเวียนทรัพยากร วัสดุ ผลิตภัณฑ์ และชิ้นส่วนอย่างไร?
OUTFLOW – RECOVERY POTENTIAL
การไหลออกของวัสดุตามศักยภาพในการกู้คืน : บริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถกู้คืนส่วนประกอบและวัสดุอย่างไร? เช่น การออกแบบเพื่อการถอดประกอบ การซ่อมแซม การรีไซเคิล หรือการใช้วัสดุย่อยสลายได้
OUTFLOW – ACTUAL RECOVERY
การไหลออกของวัสดุตามการกู้คืนจริง : บริษัทกู้คืนของเสีย ผลพลอยได้จากการผลิต และวัสดุเหลือทิ้งได้มากน้อยเพียงใด? บริษัทสามารถปรับปรุงอัตราการกู้คืนผ่านโมเดลธุรกิจ close loop / open loop ภาคบังคับหรือสมัครใจ ได้หรือไม่?
บริษัททุกขนาด ทุกภาคส่วน หรือทุกตำแหน่งในห่วงโซ่คุณค่า สามารถใช้กรอบการทำงานนี้ได้ ด้วยการเลือกตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง การประเมินนี้ประกอบไปด้วย 4 โมดูล เริ่มต้นด้วยการทำโมเดลธุรกิจปิดวงจรวัสดุ (Close the Loop) คือการตั้งเป้าดึงเอาวัสดุที่ใช้แล้วกลับสู่กระบวนทั้งหมด ไม่ให้หลุดรอดออกไปสู่สิ่งแวดล้อม จากนั้น บริษัทสามารถคำนวณตัวชี้วัดจากการเพิ่มประสิทธิภาพวงจร (Optimize the Loop) และประเมินคุณค่าทั้งวงจร (Value the Loop) ในขณะที่การวัดผลกระทบ (Impact of the Loop) จะช่วยสร้างกลยุทธ์หมุนเวียนเพื่อความยั่งยืนของบริษัท
1.CLOSE THE LOOP
โมดูลนี้คำนวณประสิทธิภาพของบริษัทในการปิดวงจรวัสดุ สามารถประเมินได้ในระดับบริษัท หน่วยธุรกิจ โรงงาน หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์
- Material Circularity
ดูประสิทธิภาพของบริษัทในการเป็น Closed-loop business จากค่าอัตราส่วนของวัสดุหมุนเวียน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่าง % การไหลเข้าของวัสดุหมุนเวียน และ % การไหลออกของวัสดุหมุนเวียน โดยติดตามทั้งวัสดุทางธรรมชาติและวัสดุทางเทคนิค หากมีโมเดลทางธุรกิจแบบ open loop อาจทำให้ % Actual Recovery Outflow ต่ำมาก
- Water Circularity
ในขณะที่วัสดุสามารถหมุนเวียนในระบบระดับโลก การประเมินการหมุนเวียนน้ำจืดต้องทำในระดับท้องถิ่น โดยสำรวจจากพื้นที่รับน้ำหรือลุ่มน้ำ การหมุนเวียนของน้ำมีเป้าหมายเพื่อลดความต้องการน้ำจืดและเตรียมความพร้อมของทรัพยากรน้ำสำหรับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม การหมุนเวียนของน้ำจึงกำหนดผ่าน % การไหลเข้าของน้ำที่หมุนเวียน และ % การไหลออกของน้ำที่หมุนเวียน
- Renewable Energy
เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่มีมาตรวัดที่ใช้วัดพลังงานหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว CTI จึงพิจารณาพลังงานแยกต่างหาก โดยสามารถใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้วในการคำนวณ % พลังงานหมุนเวียน
2.OPTIMIZE THE LOOP
ขั้นตอนนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสำคัญของวัสดุ ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และกลยุทธ์การกู้คืนที่ช่วยให้มูลค่าสูงขึ้น
- Critical Materials
ชี้วัดจาก % การไหลเข้าของ Critical materials สามารถอ้างรายการวัสดุตามข้อกำหนดภายในหรือรายการสาธารณะที่มีอยู่แล้วเช่น จากคณะกรรมาธิการยุโรปหรือสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา ช่วยให้บริษัทประเมินระดับความเสี่ยงและจัดลำดับความสำคัญตามความเหมาะสม
- Recovery Type
ชี้วัดจาก % ของประเภทวัสดุที่กู้คืน เน้น Actual Recovery Outflow ที่หมุนเวียนกลับเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าได้ ผลลัพธ์จะแสดงรายละเอียดของการกู้คืนที่นำกลับมาใช้ใหม่ ซ่อมแซม ปรับปรุงใหม่ ผลิตซ้ำ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้
กลยุทธ์การยืดอายุการใช้งาน เช่น การนำกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงใหม่ หรือการผลิตซ้ำ ถือเป็นกลยุทธ์การกู้คืนมูลค่าที่สูงขึ้น ช่วยให้บริษัทสามารถรักษามูลค่าทางเศรษฐกิจที่ฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์และวัสดุ ชะลอการไหลของทรัพยากร ลดของเสีย และลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าการรีไซเคิลจะเป็นกลยุทธ์แบบวงจรภายใต้ประเภทการกู้คืน แต่ไม่ได้ทำให้อายุการใช้งานยาวขึ้น กลยุทธ์การยืดอายุการใช้งานควรพิจารณาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการรีไซเคิลหากเป็นไปได้
- Actual Lifetime
อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ หมายถึงระยะเวลาตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ถูกปล่อยออกมาใช้งาน จนถึงเวลาที่ผลิตภัณฑ์หมดสภาพ ในขณะที่ Technical Lifetime เป็นระยะเวลาหรือจำนวนรอบการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ที่ได้ทำงานตามที่กำหนดหรือผู้ผลิตมีการจำกัดอายุการใช้งาน ส่วน Functional Lifetime คือเวลาที่ผลิตภัณฑ์ถูกใช้งานจนกระทั่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อีกต่อไป
การอำนวยความสะดวกในการซ่อมแซม อัพเกรด และนำกลับมาใช้ใหม่ จะทำให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น ธุรกิจควรเข้าใจอายุการใช้งานเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ แทนที่จะเป็นการกำหนดอายุตามดีไซน์หรือระยะเวลาการรับประกัน ตัวชี้วัดอายุการใช้งานจริงจะทำให้ได้คะแนนสูงขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้นานกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม
3. VALUE THE LOOP
โมดูลนี้แสดงให้เห็นถึงมูลค่าทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากการหมุนเวียนของวัสดุ
- Circular Material Productivity
ตัวชี้วัดนี้แสดงถึงประสิทธิภาพของบริษัทในการแยกความสามารถในการทำเงิน ออกจากการใช้ทรัพยากรใน Linear Economy บริษัทสามารถคำนวณประสิทธิภาพของวัสดุหมุนเวียนได้โดยดูความสัมพันธ์ของรายได้ (Revenue) กับ Total Mass of Linear Inflow การวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตจะช่วยให้เข้าใจวิวัฒนาการของประสิทธิภาพวัสดุมากขึ้น
- CTI Revenue
รายได้ CTI คือรายได้ที่ปรับตาม % ความหมุนเวียนของวัสดุในพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ของบริษัท การเข้าใจคุณค่าที่สร้างขึ้นจากการลงทุนในเศรษฐกิจหมุนเวียนช่วยให้นักลงทุนสามารถรับรู้และให้รางวัลแก่บริษัทที่ก้าวหน้าในด้านนี้ อีกทั้งเป็นโอกาสเข้าถึงสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม การขาดความสม่ำเสมอในการวัดประสิทธิภาพหมุนเวียนจะอุปสรรคต่อการขยายการลงทุน
4. IMPACT THE LOOP
ช่วยให้บริษัทเข้าใจผลกระทบของกลยุทธ์หมุนเวียนต่อเป้าหมายความยั่งยืน โดยวัดความแตกต่างระหว่างประสิทธิภาพการหมุนเวียนวัสดุก่อนและหลังการเพิ่มประสิทธิภาพ
- GHG Impact
กลยุทธ์หมุนเวียนย่อมช่วยให้ประหยัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น บริษัทควรมุ่งเน้นที่วิธีการกู้คืนมูลค่าสูง ซึ่งมีความแตกต่างของคาร์บอนฟุตปรินท์อย่างเห็นได้ชัด เช่น การนำกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงใหม่ การผลิตใหม่ และการรีไซเคิล เมื่อเทียบกับวิธีการกำจัดแบบดั้งเดิม เช่น การเผา การฝังกลบ
- Nature Impact
ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยคาดว่าการสูญพันธุ์ในปัจจุบันเกิดขึ้นเร็วกว่าอัตราการสูญพันธุ์ตามธรรมชาตินับพันเท่า การสูญเสียธรรมชาติ (Nature loss) กว่า 90% เกิดจากการสกัดและการแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบฟื้นฟูธรรมชาติ (Regenerative production practices) สามารถช่วยได้
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน (Land-use change) มีผลกระทบมากที่สุดต่อการสูญเสียทางธรรมชาติ ตัวชี้วัดที่เน้นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ด้วยการตรวจสอบผลกระทบการใช้ที่ดินจากการสกัดวัสดุและเพาะปลูกเพื่อเป็นวัตถุดิบ จะช่วยให้บริษัทเข้าใจว่าประสิทธิภาพการหมุนเวียนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติอย่างไร
ทั้งนี้ ตัวชี้วัดแต่ละด้านเป็นเพียงตัวเลือกให้ภาคธุรกิจได้ลองนำไปเป็นสารตั้งต้นในการสำรวจประสิทธิภาพการหมุนเวียน การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่ท้าทายแต่จำเป็น และการลงทุนในระบบการจัดการข้อมูล พัฒนาวิธีการวัดผลที่เป็นมาตรฐาน จะช่วยให้ติดกระดุมเม็ดแรกได้ถูกจุด UN Global Compact กำลังมีส่วนร่วมเชิงรุกกับผู้กำหนดนโยบายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาด สนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรและการสร้างแรงจูงใจในตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์หมุนเวียน
หากคุณสนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CTI และเครื่องมือออนไลน์ในการคำนวณการหมุนเวียนวัสดุของบริษัท สามารถติดตามแหล่งข้อมูลฟรีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการเรียนรู้
นอกจากนี้ UNGCNT ยังเปิดอบรมหลักสูตรการพัฒนาโมเดลธุรกิจหมุนเวียน Creating Business Through Circular Design ให้เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ขับเคลื่อนแผนงานด้านธุรกิจและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในองค์กร มีเครื่องมือในการปรับธุรกิจ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับผลิตภัณฑ์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIRCO Hub Thailand