ความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นเหมือนอีกหนึ่งปัจจัยในการนำไปสู่ความสำเร็จของการดำเนินงาน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม“เส้นทางสู่อนาคตที่เท่าเทียมขึ้น จะต้องมีทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ ทำงานร่วมกันขับเคลื่อนทุกองคาพยพของสังคม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามความมุ่งหมาย อีกทั้งจะต้องส่งเสริมนวัตกรรม และเร่งผลักดันการบรรลุ SDGs ไปพร้อมกันด้วย”
คุณมิเกลล่า ฟิลแบรย์-สตอเร่ (Michaela Friberg-Storey) ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทยกล่าวถึงความสำคัญของภาคเอกชนในการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจเป็นการเปลี่ยนแปลงสีเขียวและเน้นการมีส่วนร่วมอยู่ 3 ประเด็นหลัก คือ
1. การเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันให้กับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และยังเน้นย้ำถึงการศึกษาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและเท่าเทียม
2. การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความเท่าเทียม โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย SDGs และให้ทุกคนเข้าถึงสังคมออนไลน์ที่เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ ซึ่งไม่มีข้อจำกัดในการเรียนรู้
3. การปลดล็อกการเงินที่ยั่งยืน เพื่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก โดยองค์การสหประชาชาติมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ หาทางเลือกในการจัดหาเงินทุน ที่ไม่เพียงแต่เน้นความเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว
นอกจากนั้น คุณมิเกลล่ายังพูดถึงบทบาทของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต กับการสร้างการเปลี่ยนแปลงสีเขียว โดยกล่าวว่า เยาวชนเป็นผู้ที่สามารถสร้างแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลงได้ โดยเริ่มจากการปฏิบัติในระดับครัวเรือน ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ระดับสังคมต่อไป และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ การศึกษาที่สร้างการรับรู้และความรู้ความเข้าใจที่แท้จริงเรื่องความยั่งยืนให้กับเยาวชน เพื่อนำไปสร้างความเปลี่ยนแปลง และพัฒนาสังคมให้เกิดความเท่าเทียมและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ไม่สามารถทำได้เพียงแค่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นการกระทำที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ผลสำเร็จที่มุ่งหวังไว้
:: เก็บประเด็นและรายงานข่าว โดย SDGs Young Creator ทีมพระจันทร์ยิ้ม ::