Made of Air (MoA) ธุรกิจ startup จาก Berlin สร้างวัสดุที่คงทนเพื่อการใช้งานที่หลากหลายจากกระบวนการ pyrolyze ของขยะเศษไม้ เพื่อดักจับและกักเก็บคาร์บอนไว้ได้เป็นเวลายาวนาน หรือ เรียกได้ว่า เป็น carbon-negative thermoplastic ซึ่งทำมาจาก biochar และ bioplastics
MoA มุ่งหวังว่า ผลิตภัณฑ์ที่สามารถกักเก็บคาร์บอนได้นี้จะสามารถทดแทน fossil-based thermoplastics ซึ่งได้ร่วมมือกับบริษัทรถยนต์ชื่อดัง Audi เพื่อใช้ในการสร้างผนังส่วนหน้าและรอบนอก (façade) ของอาคารโชว์รูม และยังได้ร่วมมือกับบริษัทแฟชั่นชั้นนำ H&M เพื่อผลิตแว่นกันแดดbiomass-based sunglasses ไปพร้อมๆ กับการทำลองพัฒนาวัสดุเพื่อการใช้งานในรูปแบบอื่นๆ
Exterior panelling using Made of Air’s material on Audi’s flagship showroom
(Image Credits: Made of Air)
CEO ของบริษัท Allison Dring ได้อธิบายว่า วัตถุดิบของเรา คือ ชีวมวล เช่น ขี้เลื่อย ชิ้นไม้เล็กๆ ซึ่งเป็นของเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมไม้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะถูกนำไปกำจัดโดยการฝังกลบ หรือเผาไหม้ ซึ่งโดยกระบวนการเหล่านี้ทำให้สูญเสียการกักเก็บคาร์บอนที่เคยอยู่ในวัสดุออกไป
สำหรับวิธีการผลิตวัสดุของเรา เริ่มจากขบวนการ pyrolysis เพื่อผลิต biochar ซึ่งเป็นการเปลี่ยนรูปของเศษวัสดุชีวมวลให้อยู่ในรูปของคาร์บอน ซึ่งเกือบจะบริสุทธิ์เทียบเท่ากับธาตุคาร์บอน และด้วยเหตุนี้เองที่ ธาตุคาร์บอนจะถูกกักไว้ในวัสดุของเรา ซึ่งจะไม่เปลี่ยนรูปกลับไปเป็นแก๊ส CO2
Made of Air co-founders, (left to right) CEO Allison Dring and CTO, Daniel Schwaag; with CCO Neema Shams (Image Credits: Made of Air)
ในปี 2016 บริษัทส่งมอบวัสดุกว่า 10 ตันให้กับลูกค้า 4 ราย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ต้องการ decarbonize จาก supply chain ด้วยวัสดุ carbon-negative ในขณะที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยจะใช้เศษชีวมวลจากป่าปลูกเป็นวัตถุดิบ เพื่อผลิตวัสดุเท่านั้น และการผลิตวัสดุยังสามารถทำได้จากชีวมวลประเภทอื่นอีกด้วย ซึ่งในเวลานี้ MoA มุ่งเป้าไปที่เศษเหลือทิ้งและจะขยายไปสู่ชีวมวลประเภทอื่นๆ โดยต้องการให้การประกอบธุรกิจนี้ไม่เป็นการสร้างให้เกิด monocrop ขึ้นในภาคเกษตรกรรม
MoA ได้มองถึงความสำคัญของวงจรคาร์บอนในธรรมชาติ หากชีวมวลเกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติก็จะเป็นการคืนคาร์บอนกลับสู่บรรยากาศในรูปแบบ CO2 การใช้วัสดุที่กักเก็บคาร์บอนมาใช้ในการก่อสร้างจะเป็นการช่วยชะลอกระบวนการนี้ออกไป เช่น การใช้ไม้ในการก่อสร้างนั้นจะเป็นการยืดเวลาการปล่อยคาร์บอนกลับสู่บรรยากาศออกไปได้ 30 - 50 ปี ทดแทนการใช้วัสดุที่ก่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เช่น เหล็กกล้า และในขณะนี้ MoA ได้มุ่งหวังให้วัสดุ biomass-based thermoplastic มีคุณสมบัติทนไฟ เพื่อให้สามารถใช้ได้ทั้งในและนอกอาคาร และบริษัทไม่ได้วางตัวผลิตภัณฑ์นี้สำหรับสินค้าไม่คงทน หรือสินค้าใช้แล้วทิ้ง เช่น ขวดน้ำ ฝาปิดถ้วยกาแฟ แต่มุงหวังให้ใช้วัสดุนี้กับสิ่งที่ต้องการความคงทนถาวรและใช้ทดแทน “high emissions thermoplastics” และวัสดุนี้ไม่ใช่ พลาสติกประเภทย่อสลายได้ (biodegradable) แต่เป็นพลาสติกที่คงทนและกักเก็บคาร์บอนไว้ ซึ่งผลิตภัณฑ์พลาสติกในท้องตลาดทุกวันนี้ กว่า 50% เป็นแบบย่อยสลายได้ แต่วัสดุนี้แตกต่างออกไป หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากอีกมุมหนึ่งของความยั่งยืน
สำหรับราคาของวัสดุนี้ จะมีราคาสูงกว่า วัสดุ thermoplastics ทั่วไปในท้องตลาด และจะมีราคาอยู่ระหว่าง fossil-plastic และ bioplastic ซึ่งหวังว่าจะเป็นราคาที่สามารถแข่งขันได้กับ fossil plastic ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเรียกได้ว่าวัสดุนี้เป็น circular material ตลอดทั้งวงจร
ที่มา : https://tcrn.ch/3mOQVe0 และ https://bit.ly/3j0o9Wp