อีกหนึ่งบริษัทที่ปรับตัวเพื่อเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ คือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 และมีเป้าหมายแรกคือความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2030 ซึ่งถือเป็นการปรับตัวทางธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาโลกที่ค่อนข้างท้าทาย
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมของโลกในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) นั้น อยู่ที่มากกว่า 45,000 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยปล่อยที่ประมาณ 0.9-1.0% ของโลก (ประมาณ 400 ล้านตัน/ปี) ซึ่งเมื่อพิจารณาว่า GDP ของไทยคิดเป็น 0.5% ของ GDP โลก สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีการปล่อยเกินไปเป็นเท่าตัวและต้องเร่งกระตุ้นการลดการปล่อย GHG ลงให้เร็ว
เป็นที่มาที่ บางจากฯ ได้ก็เร่งดำเนินธุรกิจให้เป็นสีเขียวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
1. ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลงทุนในธุรกิจสีเขียวและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต การบริหารธุรกิจต่าง ๆ ได้มุ่งหน้าสู่เป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ข้างต้นอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือการปรับปรุงประสิทธิภาพต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต และใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้การปล่อย ลดลงได้ 20% ในปี 2024 และไปได้ถึง 30% ในปี 2030 ในขณะที่อีก 70% ต้องมีกลไกอื่นที่จะมาช่วย เช่นการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียวและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
2. ธุรกิจเติบโตแต่การปล่อยคาร์บอนลดลง ด้วยการเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจสีเขียว
ในช่วงเริ่มแรก ธุรกิจหลักๆ ของกลุ่มบางจากฯ คือโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมัน ก่อนมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะธุรกิจสีเขียว ได้แก่ โรงไฟฟ้าสีเขียว ธุรกิจชีวภาพ ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติต้นน้ำ ในระหว่างปี 2014-2019 กลุ่มบางจากฯ มี EBITDA เพิ่มขึ้น 50% แต่ emission เพิ่มขึ้นไม่ถึง 20% เป็นผลจากการควบคุมการปล่อย ส่วนในอีก 7-8 ปีข้างหน้า บางจากฯ วางเป้าหมายที่สำคัญและท้าทาย ในการขยายธุรกิจให้มี EBITDA เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า แต่มีการทยอยการลดการปล่อยคาร์บอนจนคาดว่าจะเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในปี 2030
ตัวอย่างของนวัตกรรมสีเขียวช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในทุกธุรกิจของบางจากฯ
- ธุรกิจโรงกลั่น มีการปรับเป็น Niche Products Refinery มากขึ้น โดยในอนาคต 30% ของผลิตภัณฑ์ที่มาจากโรงกลั่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน
- ธุรกิจการตลาด เพิ่มสถานีบริการน้ำมัน Greenovative Destination ให้มีประสิทธิภาพมีนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น หลังคาโซลาร์ การนำน้ำจากหลังคามารดน้ำต้นไม้ และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger
- ธุรกิจโรงงานไฟฟ้าพลังงานสีเขียว บีซีพีจีฯ เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าแห่งเดียวในประเทศไทยที่ทุกอิเล็กตรอนที่ผลิตออกมาเป็นอิเล็กตรอนสีเขียวคือมาจากพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น และวันนี้กำลังเข้าสู่ธุรกิจการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage)
- ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพโดยบีบีจีไอฯ ใช้นวัตกรรม Synthetic Biology ผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากพืชแทนสัตว์ เช่น เนื้อจากพืช เสื้อผ้า เครื่องสำอาง โดยไม่ต้องทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซ โดยเฉพาะก๊าซมีเทนได้ และกำลังก่อตั้ง Syn Bio Consortium ร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อสร้างเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดธุรกิจ bio-based ต่าง ๆ รวมถึง ธุรกิจใหม่ที่จะลงทุนในธุรกิจที่ที่จะเปลี่ยนโลก อย่างธุรกิจไฮโดรเจน
3. สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดผ่าน Carbon Markets Club
บางจากฯ และพันธมิตรรวม 11 บริษัท ได้ร่วมกันตั้ง Carbon Markets Club สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด กระตุ้นให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะช่วยทำให้มีการจัดสรรทรัพยากรโดยภาคเอกชนกันเอง โดยธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมาก นำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อเป็นการชดเชย และนำเงินส่วนนั้นมาพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด เป็นกลไกที่จะมาช่วยปิดช่องว่างในช่วง 5-10 ปีนี้ ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาด
#ThailandClimatesLeadership #GCNTFORUM2021
ที่มา:
https://www.facebook.com/environman.th/posts/4194175030710912