แม้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะใช้พลังงานเพียงร้อยละ 2-3 ของทั้งโลก แต่กลับมีบทบาทในการชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านการใช้เทคโนโลยี Machine-to-machine (M2M) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things : IoT) และการเพิ่มบริการโทรคมนาคมไร้สาย (Mobile Connectivity) ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมาก
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มทรู ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลครบวรจร เร่งเดินหน้านวัตกรรมและความยั่งยืนเพื่อยกระดับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจ (Digital Transformative) รวมทั้งตรวจสอบย้อนกลับไปตามห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของผลิตภัณฑ์และบริการ ว่าได้สร้างหรือลดคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon footprint) มากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้กลุ่มทรูยังดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน สร้างความตระหนักและสร้างศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน พร้อมประกาศขับเคลื่อน True Sustainability Goals 2030 ซึ่งประกอบด้วยกรอบการพัฒนา 3H’s คือ Heart Health Home
โดยกรอบการพัฒนาที่ให้ความสำคัญการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม คือ “HOME” การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางตรงและทางอ้อม (Scope1&2) สุทธิเป็นศูนย์หรือ Carbon Neutral ภายในปี 2030 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
กลุ่มทรูได้กำหนดกลยุทธ์ Roadmap และนำนวัตกรรมมาช่วยขับเคลื่อนกระบวนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและบรรลุเป้าหมายที่กำหนด ผ่านโครงการต่างๆ เช่น
เดินหน้าขยายการติดตั้งโซล่าเซลล์ที่สถานีฐานและชุมสายอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ซึ่งปีที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งแล้ว 3,481 แห่ง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 12,570 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าและร่วมกับพันธมิตรในการจัดหาพลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น
มีการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เช่น การปรับปรุงอุปกรณ์ระบบปรับอากาศและการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ ได้นำกลไกราคาคาร์บอนภายในองค์กร (Internal Carbon Pricing) มาใช้ เป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจเลือกโครงการที่จะลงทุน โดยสนับสนุนการลงทุนคาร์บอนต่ำ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutral และ Net Zero ต่อไป
ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ดำเนินงานในสถานีฐานและชุมสายและบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์การให้บริการเครือข่าย เช่น เปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสัญญาณเป็นแบบประหยัดไฟฟ้า ปิดคลื่นความถี่ที่ไม่จำเป็น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ ทาอาคารด้วยสารชนิดฉนวนกันความร้อนที่สถานีชุมสาย เพื่อลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศและขยายผลเปลี่ยนระบบปรับอากาศเป็นแบบประหยัดพลังงาน ที่ชุมสายย่อยและอาคารสำนักงาน ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือกระจก 5,549 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
รวมทั้งนำนวัตกรรมมาสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแฟลตฟอร์มนวัตกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ การนำระบบใบแจ้งค่าบริการและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (True E-Billing และ True E-Tax Invoice) แทนการใช้กระดาษ สามารถลดการใช้กระดาษได้มากกว่า 213 ล้านแผ่น หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 2,242 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
และการใช้ True iService ให้บริการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการใช้บริการอื่นๆ เช่น ตรวจสอบค่าใช้จ่าย เพื่อลดการเดินทางมายังร้าน การใช้แพลตฟอร์ม True Virtual World เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กรทางโทรศัพท์
นอกจากนี้ ยังมีโครงการปลูกต้นไม้ผ่าน We Grow Application เพื่อร่วมกระตุ้นให้มีการสร้างพื้นที่สีเขียวผ่านออนไลน์ สามารถติดตามการปลูกต้นไม้และปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งปัจจุบันมีการบันทึกและร่วมการปลูกต้นไม้ผ่าน We Grow Application มากกว่า 6.13 ล้านต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์กว่า 332,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
จากการผลักดันองค์กรสู่ Tech Company และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งผลให้กลุ่มทรูได้รับคัดเลือกเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับองค์กรด้านความยั่งยืนจาก DJSI โดยปี 2022บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้อันดับ 1 ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม 5 ปี ซ้อน (2018-2022)
นอกจากนี้ ยังติดอันดับสมาชิกดัชนีความยั่งยืนชั้นนำ FTSE4Good ประจำปี 2022 จาก FTSE Russell สถาบันจัดทำดัชนีหลักทรัพย์จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นองค์กรจากประเทศไทยที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโลก