หัวเว่ยร่วมขับเคลื่อนประเทศ สู่อนาคตที่ยั่งยืน

ด้วยความมุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนในประเทศไทย หัวเว่ยกำหนดวิสัยทัศน์มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย 

ประเทศไทยมีเป้าหมายในการใช้พลังงานทดแทนที่ 30% ภายในปี 2037 และเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว หัวเว่ยตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2051 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ไม่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศให้ได้ภายในในปี 2025 โดยโซลูชันสำหรับครัวเรือนของหัวเว่ยสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ถึง 9,125 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 5 ล้านตัน

หัวเว่ย กลุ่มธุรกิจพลังงานดิจิทัล ประเทศไทย (Huawei Thailand Digital Power) คิดค้นและนำเสนอโซลูชันที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนให้กับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 1,050 ราย และตั้งเป้าขยายไปยังตลาดครัวเรือน เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด 50% ส่งเสริมภาคประชาชนในการใช้พลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืน

นอกจากการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด หัวเว่ยยังริเริ่มโครงการที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงดิจิทัลทั้งในไทยและระดับสากล เช่น การบริจาคระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ให้กับโรงเรียนในชุมชนพื้นที่ห่างไกล, นำร่องโครงการ "รถดิจิทัลเพื่อสังคม" เร่งสร้างความเท่าเทียมด้านทักษะดิจิทัล ยกระดับการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล, โครงการเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต (Seeds for the Future) ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2009 เพื่อบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้านไอซีทีในท้องถิ่น มอบโอกาสการเรียนรู้ และประสบการณ์ในหลากหลายวัฒนธรรม ร่วมไปถึงจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม Huawei Asean  Academy และโครงการพัฒนาผู้มีความสามารถในทักษะด้านต่างๆ อาทิ กิจกรรม ICT Cloud Developer, Huawei spark ignite เป็นต้น

จากความมุ่งมั่นที่จะ "เติบโตและมีส่วนร่วมกับประเทศไทย" ในมิติต่างๆแล้ว หัวเว่ยสนับสนุนในการผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน ด้วยการพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะเป็นรากฐานและบทบาทสำคัญ ปัจจุบันมีผู้ได้รับการฝึกอบรมด้านดิจิทัลเฉพาะในประเทศไทยจำนวนกว่า 70,000 ราย และบริษัทฯ วางแผนฝึกอบรมนักพัฒนาซอฟต์แวร์คลาวด์เพิ่มเติมอีก 20,000 ราย และฝึกอบรมวิศวกร จำนวน 10,000 ภายในสามปีข้างหน้า เพื่อสร้างอนาคตและสนับสนุนประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน