ในโลกที่เต็มไปด้วยสีสันของความหลากหลาย เสียงหนึ่งที่มักแผ่วเบาในสายลม คือเสียงของผู้คนที่ยังต้องตอบคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพียงเพราะพวกเขาแตกต่าง เช่น “เป็นหรือเปล่า” คำถามที่อาจดูเหมือนเล็กน้อยในสายตาบางคน แต่สำหรับผู้ที่ถูกถาม มันคือการถูกตีกรอบและกำหนดตัวตนก่อนที่พวกเขาจะได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง
การยอมรับในความเป็นมนุษย์ไม่ควรเริ่มต้นจากการตรวจสอบว่าพวกเขารักใคร แต่ควรเริ่มจากการเคารพว่าพวกเขาคือใคร สำหรับหลายคน ความไม่เท่าเทียมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ภายในครอบครัว สถานที่ที่ควรเป็นที่พักพิงกลับกลายเป็นสมรภูมิแห่งความคาดหวัง ว่าจะต้องเดินบนเส้นทางเดียวกับ “บรรทัดฐานดั้งเดิม” ที่ต้องรักเพศตรงข้าม ต้องสร้างครอบครัวแบบที่สังคมคุ้นเคย ผู้ที่กล้าแตกต่างมักต้องเผชิญทั้งคำตำหนิและเสียงนินทา ความรักและการยอมรับจากครอบครัวควรเป็นเกราะป้องกันให้ลูกหลานได้เป็นตัวของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่กำแพงที่ปิดกั้นเขาจากความสุข
สิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่แค่การพูด แต่คือการลงมือเปลี่ยนแปลง
1.เปลี่ยนวิธีเล่าเรื่อง หยุดทำให้เพศสภาพและรสนิยมทางเพศเป็น “ความลับที่ต้องเปิดเผย” ให้มันเป็นเรื่องที่ใครจะบอกหรือไม่บอกก็ได้ โดยไม่ถูกตัดสิน
2.ปฏิรูปการให้ความรู้กับครอบครัว เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจว่าการยอมรับคือเกราะป้องกันลูกและคือความรักที่แท้จริงโดยไม่มีเงื่อนไข
3.เปิดประตูสู่ศาสนาอย่างเท่าเทียม ผลักดันให้สถาบันศาสนากำหนดคุณสมบัติผู้บวชจากคุณธรรมและความตั้งมั่น ไม่ใช่จากเพศสภาพ สร้างพื้นที่แทนการ “ให้สิทธิ” ผลักดันให้สื่อ การศึกษา และนโยบายมองความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่ใช่ข้อยกเว้น