- คน คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความยั่งยืนอาจไม่ยั่งยืนได้ในอนาคต วันนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องหันมาดูว่า จะจัดการตัวเราอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน
- บางอย่างที่เราอาจสูญเสียไป จะสามารถสร้างประโยชน์มหาศาลแก่ภาคส่วนอื่นได้ อย่างเช่น เราอาจต้องลงทุนสร้างนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัยในสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น
- ผู้บริโภคจะเป็นตัวเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ผลิต เป็นคนสำคัญที่จะช่วยโลกได้ วันนี้ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากคุณจะดูประโยชน์ทางโภชนาการบนฉลากแล้ว อาจต้องช่วยกันดูที่มาของอาหารด้วย
อาหาร คือปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต และยังเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงการดำรงอยู่ของมนุษย์ในมิติต่างๆ อย่างสัมพันธ์กัน ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันกระบวนการผลิตอาหารจากเกษตรกรจนถึงมือผู้บริโภค ล้วนเกี่ยวข้องและส่งผลกระทบกับสิ่งต่างๆ ทั้งสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม ประชากร คุณภาพชีวิต ความปลอดภัย ฯลฯ ดังนั้น ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้นทั่วโลกในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติด้านพลังงาน ปัญหาโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ สังคม หรือการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรอย่างรวดเร็ว จึงจุดประเด็น ความมั่นคงทางอาหาร ให้กลายเป็นหนึ่งในวาระที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ
สำหรับประเทศไทย พื้นแผ่นดินที่เราทุกคนคุ้นเคยกับคำว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มาตั้งแต่อดีต ถึงวันนี้จะต้องเตรียมตัวเผชิญหน้ากับความท้าทายในประเด็นนี้อย่างไร เราจะขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารให้สอดคล้องกับความยั่งยืนในทิศทางใด คุณวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมาชวนคิดชวนคุยประเด็นนี้ โดยพุ่งเป้าไปที่พฤติกรรมของ ‘คน’ เป็นตัวแปรสำคัญ
“ถ้าเรามองบริบทเรื่องความยั่งยืน เราจะพบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทุกชีวิตบนโลก ไม่ใช่แค่คน แต่ว่าคนนี่แหละคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความยั่งยืนอาจจะไม่ยั่งยืนได้ในอนาคต วันนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องหันมาดูตัวเราในโลกปัจจุบันว่า เราจะจัดการตัวเราอย่างไรให้ความยั่งยืนเกิดขึ้นได้”
ในฐานะบริษัทผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นครัวของโลก ที่ในวันนี้ผลิตอาหารเลี้ยงประชากรมากกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ได้ขับเคลื่อนการทำงานผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่ ‘อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่’ เพื่อตอบโจทย์สำคัญของโลกและประเทศนั่นคือ ‘ความมั่นคงของอาหาร การผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน’
“CPF เดินหน้าการทำงานใน 3 เสาหลักนี้อย่างต่อเนื่องทั้งในกระบวนการคิด การจัดการธุรกิจ รวมไปถึงกระบวนการผลิต กลไกบริษัทของเราขับเคลื่อนไปด้วยคุณภาพของสินค้าคือ Product กระบวนการผลิตคือ Process มีคน คือ People และตัวสุดท้ายคือ Planet ซึ่งหมายถึงโลก ที่เราจะต้องดูแล โดยมีปรัชญาการดำเนินงาน 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน คือ ประโยชน์ต่อประเทศ ต่อประชาชน และต่อองค์กรของเรา”
“สำหรับปีนี้ในฐานะผู้ผลิต เราได้นำเอาแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือ Circular Economy มาใช้อย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ที่ผ่านมาเราริเริ่มนำถังบรรจุอาหารสัตว์ขนาดใหญ่ เรียกว่า BULK FEED TANK มาทดแทนถุงพลาสติกบรรจุอาหารสัตว์ ซึ่งทำให้ลดการใช้ถุงพลาสติกได้ถึง 9,600 ตัน เราใช้ Q-PASS TANK มาใช้บรรจุลูกพันธุ์กุ้งเพื่อขนส่ง ทดแทนการใช้ถุงพลาสติก ช่วยลดปริมาณขยะไปถึง 1,700 ตัน เรายังเอาแนวคิด Zero Waste มาใช้ในกระบวนการผลิตของเราทั้งหมด ตั้งแต่การทำความเข้าใจกับเกษตรกรต้นทาง สร้างระบบบริหารจัดการวัตถุดิบภายในโรงงาน จนกระทั่งถึงปลายทาง พวกเศษอาหาร มูลสัตว์ต่างๆ เราก็สามารถเอาไปแปรรูปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด”
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในการดำเนินการเรื่องความยั่งยืนของอุตสาหกรรมธุรกิจอาหารอยู่ที่การต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างยิ่งยวดในอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งบางครั้งทางออกของเรื่องนี้ อาจจำเป็นต้องอาศัยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริม จึงอาจต้องส่งผลกระทบต่อการลงทุนเพิ่ม แต่ในมุมมองของ CPF นั้น อาจเรียกการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นนี้ว่า ‘ขาดทุนคือกำไร’ ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยทรงมีพระราชดำรัสไว้
“เราจะมองว่าเราอาจสูญเสียบางอย่างไป แต่จะสามารถสร้างประโยชน์มหาศาลแก่ภาคส่วนอื่นได้ อย่างเช่น เราอาจต้องลงทุนสร้างนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัยในสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ผมคิดว่าถึงวันนี้เราก็จำเป็นต้องลงทุนนะ แต่สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าสิ่งที่เราลงทุนไป มันจะย้อนกลับมาในรูปแบบของความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งในที่สุดแล้ว ธุรกิจจะอยู่ได้ก็ด้วยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อองค์กรของเรา”
อาจกล่าวได้ว่า ความมั่นคงของอาหารในวันนี้ จึงไม่ใช่เฉพาะในมิติเชิงปริมาณที่เพียงพอ แต่ยังหมายรวมถึงคุณภาพของอาหารที่ปลอดภัย มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากภาคธุรกิจจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความมั่นคงและยั่งยืนของอาหารให้เกิดขึ้นได้แล้ว กลไกหนึ่งที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริงอย่างเป็นรูปธรรมนั่นคือ พลังของผู้บริโภค
“ผู้บริโภคจะเป็นตัวเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ผลิต เป็นคนสำคัญที่จะช่วยโลกได้ วันนี้ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากคุณจะดูประโยชน์ทางโภชนาการบนฉลากแล้ว อาจจะต้องช่วยกันดูที่มาของอาหารด้วย ซึ่งการช่วยกันเลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความยั่งยืน สนับสนุนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยโลกให้ยั่งยืนได้” คุณวุฒิชัยย้ำถึงพลังของผู้บริโภคก่อนจะฝากข้อคิดทิ้งท้ายไว้ว่า
“ถ้าเรารักครอบครัวของเรา ผมก็อยากให้ทุกคนคิดว่า โลกนี้คือบ้านของเรา เรามีโลกอยู่ใบเดียว ถ้าทำโลกนี้ให้ดีได้ ครอบครัวของเราก็มีความสุขด้วยเช่นกัน”
ดาวน์โหลด 5 แนวโน้มสําคัญเพื่อจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน