ในปีนี้ งานสัปดาห์ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 17 ถึง 21 มิถุนายน ณ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส แวนดา แกรนด์ จังหวัดนนทบุรี ตลอดทั้งสัปดาห์ จะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการบรรยายโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ การเสวนาโดยผู้แทนสมาชิก UNGCNT และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐในประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนที่สำคัญสำหรับปีนี้และการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชนรอบด้านให้กับผู้ประกอบการจากธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางโดยมีผู้เข้าร่วมงานสัปดาห์ธุรกิจและสิทธิมนุษยชนจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนสถาบันการศึกษา นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ มากกว่า 500 คน
ดร.เนติธร ประดิษฐ์สาร เลขาธิการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย
(UN Global Compact Network Thailand: UNGCNT) และผู้ช่วยบริหาร ประธานคณะผู้บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด พร้อมด้วย พันตํารวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คุณเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจํา ประเทศไทย และคุณธัญยธรณ์ จิรโชควรพัฒน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผนส่งเสริม SMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิตขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวเปิดงานสัปดาห์ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 โดย ดร. เนติธร กล่าวถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก ที่ธุรกิจ ทุกขนาดทุกภาคอุตสาหกรรม ต้องดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเคารพ และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ และย้ำว่าธุรกิจ SME ไทย ต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจในการพัฒนาระบบจัดการสิทธิมนุษยชนทั้งในเรื่องการประเมินความเสี่ยงการติดตาม ตรวจสอบ รายงาน และการจัดการกลไกร้องทุกข์และเยียวยา ในกรณีที่มีผู้ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินธุรกิจ ทั้งหมดนี้ ดร. เนติธร เห็นว่า ระบบนิเวศการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบคือโอกาสของธุรกิจไทยในการเติบโตที่ยั่งยืน
ดร. เนติธร ยังกล่าวเปิดงานในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ซึ่งมุ่งเน้นการหารือภายใต้หัวข้อ “หลากหลาย แต่ไม่แตกต่าง มาร่วมสร้างสังคม การทํางานให้น่าอยู่สําหรับทุกเพศ (Diversity and Inclusion Promotion in Workplace)” โดยได้กล่าวแสดงความยินดีกับกระทวงยุติธรรม และภาคส่วนต่างๆ ในประเทศไทยที่ร่วมกันขับเคลื่อนประเด็นความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่มหรือDE&I ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่สมาชิกวุฒิสภาได้ลงมติเพื่อผ่านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในเอเชียที่มีการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม
นอกจากนี้ สมาชิก UNGCNT ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จากัด (มหาชน) บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้เข้าร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตรงในการขับเคลื่อนประเด็น DE&I ภายในองค์กร ทั้งข้อท้าทาย บทเรียน และแนวปฏิบัติที่ดี
ในวันที่ 19 – 20 มิถุนายน ดร. เนติธร ได้ร่วมกล่าวเปิดและสังเกตการณ์ตลอดการอบรมการตรวจสอบ สิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเน้นถึงความสำคัญของธุรกิจ SME ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเสนอว่า การพัฒนาระบบการจัดการสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงนโยบายชัดเจน การฝึกอบรมที่ครอบคลุม และกลไกเพื่อรับฟังเสียงพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ หากทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันขับเคลื่อนยกระดับการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบ เคารพสิทธิมนุษยชน และใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในธุรกิจ SME จะทำให้ไทยมีความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสในการเติบโตที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ การจัดงานสัปดาห์ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เป็นการแสดงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง และเข้มแข็ง ของภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมขับเคลื่อน ผลักดันงานด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน และประเด็นความยั่งยืนที่เกี่ยวข้อให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม วัดผลกระทบ และต่อยอดขยายผลกระทบดังกล่าวได้ในวงกว้าง